นายพฤติชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง เปิดผยว่า กรมธนารักษ์ ได้จัดทำเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่ ทั้ง 9 ชนิดราคา โดยได้ปรับปรุงโลหะและลักษณะของเหรียญ เพื่อปรับต้นทุนในการผลิตให้มีความเหมาะสม สะดวกต่อการใช้สอย แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพที่มีความสวยงามและยากต่อการปลอมแปลงมากยิ่ง
"การออกใช้เหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่ว่าเนื่องจากราคาโลหะที่ใช้ในการผลิตเหรียญกษาปณ์ในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยเหรียญกษาปณ์หลายชนิดราคามีต้นทุนการผลิตสูงกว่าราคาหน้าเหรียญ และเหรียญบางชนิดราคามีขนาดและสีที่ใกล้เคียงกันทำให้ยากต่อการใช้สอย" นายพฤติชัย กล่าว
สำหรับหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่นี้ มีรูปแบบและลวดลายเช่นเดิม แต่ปรับปรุงให้สวยงามมากยิ่งขึ้น และมีละเอียดคุณลักษณะเฉพาะของเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่มีความแตกต่าง จากเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดปัจจุบัน ประกอบด้วย
เหรียญกษาปณ์ชนิดราคา 1 สตางค์ และ10 สตางค์ เส้นผ่าศูนย์กลาง ความหนา และน้ำหนักคงเดิม แต่เปลี่ยนส่วนผสมของโลหะจากอลูมิเนียม 97% เป็น 99%
เหรียญกษาปณ์ชนิดราคา 5 สตางค์ น้ำหนักคงเดิม แต่เปลี่ยนเส้นผ่าศูนย์กลางจาก 16.00 มิลลิเมตร เป็น 16.50 มิลลิเมตร ความหนาลดลงจาก 1.40 มิลลิเมตร เป็น 1.35 มิลลิเมตร และเปลี่ยนส่วนผสมของโลหะจากอลูมิเนียม 97% เป็น 99%
เหรียญกษาปณ์ชนิดราคา 25 สตางค์ และ 50 สตางค์ เส้นผ่าศูนย์กลาง ความหนา และน้ำหนังคงเดิม แต่เปลี่ยนชนิดของโลหะจากอลูมิเนียมบรอนซ์ (สีทอง) เป็นโลหะไส้เหล็กชุบทองแดง
เหรียญกษาปณ์ชนิดราคา 1 บาท เส้นผ่าศูนย์กลางและความหนาคงเดิม แต่เปลี่ยนชนิดของโลหะจากคิวโปรนิกเกิลเป็นโลหะไส้เหล็กชุบนิกเกิล และน้ำหนักลดลงจาก 3.40 กรัม เป็น 3.00 กรัม
เหรียญกษาปณ์ชนิดราคา 2 บาท เส้นผ่าศูนย์กลางคงเดิม แต่เปลี่ยนชนิดของโลหะจากไส้เหล็กชุบนิกเกิล (สีขาว) เป็นโลหะอลูมิเนียมบรอนซ์ (สีทอง) น้ำหนักลดลงจาก 4.40 กรัม เป็น 4.00 กรัม และความหนาลดลงจาก 1.70 มิลลิเมตร เป็น 1.50 มิลลิเมตร
เหรียญกษาปณ์ชนิดราคา 5 บาท โลหะ เส้นผ่าศูนย์กลางคงเดิม แต่ความหนาลดลงจาก 2.20 มิลลิเมตร เป็น 1.75 มิลลิเมตร และน้ำหนักลดลงจาก 7.50 กรัม เป็น 6.00 กรัม
เหรียญกษาปณ์ชนิดราคา 10 บาท โลหะ เส้นผ่าศูนย์กลาง ความหนา และน้ำหนักคงเดิม
ทั้งนี้ กรมธนารักษ์จะเริ่มออกใช้เหรียญกษาปณ์ ชนิดราคา 2 บาทก่อนเป็นลำดับแรก ตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ. 52 เป็นต้นไป ส่วนเหรียญกษาปณ์ ชนิดราคาอื่น ๆ จะทยอยนำออกจ่ายแลกต่อไป