วิจัยกสิกรฯ คาดเงินเฟ้อ H1/52 ติดลบ 1-1.8% แนะรัฐเร่งฟื้นความเชื่อมั่น

ข่าวเศรษฐกิจ Monday February 2, 2009 18:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อยังคงมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องในช่วง H1/52 หลังจากวันนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศอัตราเงินเฟ้อทั่วไปใน ม.ค.52 ลดลง 0.4% และเป็นอัตราที่ติดลบเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 9 ปี โดยมองว่าเงินเฟ้อยังลดลงต่อเนื่องเป็นผลจากราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่คาดว่าจะยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มถดถอยลงลึกและยาวนานกว่าที่เคยมีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม ในช่วง H2/52 มีโอกาสที่ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อาจจะค่อยๆ ขยับขึ้นเล็กน้อย เมื่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยในภูมิภาคหลักของโลกเริ่มผ่านพ้นจุดต่ำสุด แต่การฟื้นตัวอย่างแท้จริงอาจจะเกิดขึ้นในปี 53 ซึ่งผลดังกล่าวเมื่อรวมกับผลของฐานเปรียบเทียบอัตราเงินเฟ้อของไทยที่ต่ำในช่วงปลายปี จึงน่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นในช่วง H2/52 แต่คงต้องรอจนถึงช่วง Q3/52 กว่าที่จะเห็นอัตราเงินเฟ้อทั่วไปกลับมามีตัวเลขเป็นบวกได้อีกครั้ง โดยคาดว่าในช่วง H1/52 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะหดตัวลงติดลบที่ 1-1.8%

ส่วนแนวโน้มทั้งปี 52 คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ในช่วงระหว่าง ลดลง 1.0% ถึงเพิ่มขึ้น 1.0% ซึ่งเป็นอัตราที่ลดลงจาก 5.5% ในปี 51 ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานค่าเฉลี่ยทั้งปีน่าจะยังคงเป็นตัวเลขบวก โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในปี 52 จะอยู่ที่ประมาณ 0-1.0 % ลดลงจาก 2.4% ในปี 51

ทั้งนี้แม้ว่าเงินเฟ้อ ม.ค.52 ที่ติดลบเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 9 ปีนี้ ส่วนหนึ่งจะเป็นผลจากการเปรียบเทียบกับฐานของปีก่อนหน้า ที่ราคาสินค้าส่วนใหญ่ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ซึ่งผลของฐานดังกล่าวคงจะหมดไปในช่วง Q4/51 พร้อมๆ กับราคาน้ำมันอาจจะค่อยๆ เริ่มขยับขึ้นเมื่อเข้าสู่ฤดูกาลที่มีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น และน่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วง Q 4/52 มีแนวโน้มที่จะกระโดดกลับขึ้นมาเป็นบวกในระดับที่สูง

"การที่เงินเฟ้อมีอัตราติดลบติดต่อกันเป็นระยะเวลาหลายเดือนย่อมไม่เป็นผลดีต่อบรรยากาศทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่จะทยอยประกาศออกมาในระยะ 1-2 เดือนข้างหน้า ไม่ว่าตัวเลขภาคการผลิต การส่งออก หรืออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ มีแนวโน้มที่จะหดตัวลง พร้อมกับกระแสการเลิกจ้างที่อาจจะรุนแรงขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่ออำนาจซื้อของภาคครัวเรือนให้ลดลงตามภาวะรายได้" เอกสารเผยแพร่ ระบุ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย แนะว่า ทางการไม่ควรปล่อยให้สภาวะเงินเฟ้อติดลบ เพราะจะส่งผลลบในทางจิตวิทยาจนกระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคเอกชนมากยิ่งขึ้นไปอีก โดยควรเร่งดำเนินการทั้งมาตรการการเงินและการคลัง เพื่อลดความกังวลของประชาชนและภาคธุรกิจในด้านการใช้จ่ายและการลงทุน โดยแนวโน้มเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำน่าจะเอื้ออำนวยให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ยังสามารถดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลงต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยเสริมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และลดภาระต้นทุนการเงินให้แก่ภาคครัวเรือนซึ่งมีแนวโน้มเผชิญปัญหาการว่างงานเพิ่มขึ้น และภาคธุรกิจที่อาจมีปัญหาสภาพคล่องจากยอดขายและคำสั่งซื้อล่วงหน้าที่ลดลงอย่างมาก

นอกจากนี้ จากแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ยังค่อนข้างที่จะมีเสถียรภาพ โดยมีความเป็นไปได้ค่อนข้างมากที่ตัวเลขเฉลี่ยทั้งปีจะยังคงอยู่ภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของ ธปท. ที่กำหนดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ(พื้นฐาน) ไว้ที่ 0.5-3.0 % ซึ่งอาจยังสนับสนุนนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำของทางการต่อไปได้ในช่วงปี 52 นี้ แม้ว่าอาจจะเห็นอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้นนำไปก่อนหน้าในช่วงท้ายของปีก็ตาม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ