เมซี่ส์ อิงค์ (Macy’s Inc.) ธุรกิจห้างสรรพสินค้ารายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ ประกาศปลดพนักงานกว่า 7,000 คน, ปรับลดเงินปันผลรายไตรมาส และซื้อคืนพันธบัตรของบริษัท หวังปลดหนี้สินที่รุมเร้าหลังยอดขายร่วงหนัก
พนักงานที่ถูกปลดคิดเป็น 3.9% ของพนักงานทั้งหมด ซึ่งการลดจำนวนพนักงานครั้งนี้จะช่วยประหยัดต้นทุนได้ถึง 250 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ และ 400 ล้านดอลลาร์ต่อปีนับตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป นอกจากนั้นทางบริษัทยังมีแผนซื้อคืนพันธบัตรมูลค่ากว่า 950 ล้านดอลลาร์ภายในปีนี้ด้วย
"ข่าวดังกล่าวเป็นหลักฐานยืนยันว่าธุรกิจค้าปลีกกำลังย่ำแย่ และมีแนวโน้มว่าจะเป็นเช่นนั้นไปอีกระยะหนึ่ง" แพทริเชีย เอ็ดเวิร์ดส์ นักวิเคราะห์และผู้ก่อตั้งบริษัท สโตร์เฮาส์ พาร์ทเนอร์ส แอลแอลซี ในซีแอทเทิล กล่าว "นี่เป็นช่วงเวลาที่ผู้ค้าปลีกต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อเอาตัวรอด"
เมซี่ส์กำลังถูกกดดันให้ต้องลดต้นทุนการดำเนินงาน หลังนโยบายลดราคาสินค้ากว่า 60% ไม่สามารถช่วยกระตุ้นรายได้ที่ลดลงอย่างหนักในช่วงเทศกาลใหญ่ปลายปีที่ผ่านมาได้ โดยผลกำไรของบริษัทในปีงบการเงิน 2552 ซึ่งจะสิ้นสุดวันที่ 30 ม.ค. 2553 อาจน้อยกว่าปีก่อนหน้าถึงครึ่งหนึ่ง
ในขณะเดียวกัน ยอดขายของร้านสาขาที่เปิดมานานกว่า 1 ปีอาจร่วงลงถึง 8% ในปีงบการเงิน 2552 หลังจากที่ลดลง 4.6% ในช่วงเดือนก.พ. - ธ.ค.ปีที่ผ่านมา
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 16.15 น.ตามเวลานิวยอร์ก หุ้นเมซี่ส์ร่วงลง 4% และ 8.59 ดอลลาร์ โดยหุ้นดังกล่าวพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 46.51 ดอลลาร์ ในเดือนมี.ค.ปี 2550