นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าธนาคารกลางออสเตรเลียอาจตัดสินใจลดดอกเบี้ยแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2507 เนื่องจากความเชื่อมั่นผู้บริโภค ราคาบ้าน และอัตราจ้างงานยังลดลงอย่างต่อเนื่อง ยิ่งก่อให้เกิดกระแสความวิตกว่าเศรษฐกิจออสเตรเลียกำลังถดถอยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2534
-- เมซี่ส์ อิงค์ (Macy’s Inc.) ธุรกิจห้างสรรพสินค้ารายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ ประกาศปลดพนักงานกว่า 7,000 คน, ปรับลดเงินปันผลรายไตรมาส และซื้อคืนพันธบัตรของบริษัท หวังปลดหนี้สินที่รุมเร้าหลังยอดขายร่วงหนัก
-- ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลดลงในเดือนม.ค.2552 เช่นเดียวกับตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ร่วงลงติดต่อกันนาน 6 เดือนในเดือนธ.ค. 2551
โดยดัชนีภาคการผลิตของสำนักงานจัดการอุปทานลดลงสู่ระดับ 35.6 จุดในเดือนม.ค. ซึ่งตัวเลขที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 จุดบ่งชี้ถึงภาวะตกต่ำ และตัวเลขดังกล่าวยังอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2551 ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคร่วงลง 1% ในเดือนธ.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขดังกล่าวมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ หลังจากดิ่งลงตลอดช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา ขณะที่ตัวเลขภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างร่วงลงเป็นเดือนที่ 3
-- รัฐบาลออสเตรเลียประกาศเตรียมใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 2.65 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐกับโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน โดยมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศเข้าสู่ถดถอย ท่ามกลางวิกฤตการเงินโลกในปัจจุบัน
-- เจเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ป (GM) และ ไครส์เลอร์ แอลแอลซี ซึ่งถูกพิษเศรษฐกิจเล่นงานจนต้องกู้ยืมเงิน 1.34 หมื่นล้านดอลลาร์จากรัฐบาลสหรัฐ กำลังยื่นข้อเสนอให้พนักงานราว 91,000 คนพิจารณาลาออกจากบริษัทโดยสมัครใจ เพื่อลดต้นทุนหลังยอดขายยานยนต์ชะลอตัวอย่างหนัก
-- นสพ.วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานบนเว็บไซต์ว่า มอร์แกน สแตนลีย์ มีแผนปลดพนักงาน 1,800 ตำแหน่งหรือ 4% ของพนักงานทั้งหมดในบริษัท เพื่อรับมือกับตัวเลขผลกำไรรายปีที่ตกต่ำหนักสุดในรอบ 13 ปี หลังจากที่บริษัทได้โละพนักงานไปแล้วราว 1,500 ตำแหน่งในเดือนพ.ค.และอีก 4,000 ในเดือนพ.ย.
-- พายุหิมะถล่มกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ ส่งผลให้การเดินทางในลอนดอนเป็นอัมพาต เนื่องจากสถานีรถไฟใต้ดินและรถโดยสารต้องงดให้บริการ หลังจากที่หิมะตกลงมาอย่างหนักหนาถึง 8 นิ้ว และอาจจะทำให้การเดินทางมีปัญหามากยิ่งขึ้น เนื่องจากภาวะหิมะที่จับตัวจนกลายเป็นน้ำแข็งในพื้นที่ต่างๆ
-- ธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 1% เหลือเพียง 3.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปี โดยมีเป้าหมายที่จะยับยั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอย
-- กระทรวงต่างประเทศจีนได้ออกแถลงการณ์แสดงความไม่พอใจและความเป็นห่วงของรัฐบาลจีนต่อกรณีที่มีผู้ประท้วงขว้างรองเท้าเข้าใส่นายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนในระหว่างที่เขากล่าวปราศรัยที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษเมื่อวานนี้
-- นายโดมินิก สเตราส์-คาห์น ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2553 หากการค้าระหว่างประเทศในภูมิภาคฟื้นตัวขึ้น
-- ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ให้คำมั่นว่าจะทำการตรวจสอบสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ หรือ FDA หลังล่าสุดพบการระบาดของโรคทางเดินอาหารที่มีต้นตอมาจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทผลิตถั่วลิสงชื่อ พีนัท คอร์ป ออฟ อเมริกา ซึ่งเชื่อว่าเป็นสาเหตุให้มีผู้ป่วยกว่า 500 คน และเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 8 คน
-- เปโตรบาส บริษัทน้ำมันของรัฐบาลบราซิล สวนกระแสเศรษฐกิจโกด้วยการประกาศว่าจ้างพนักงานชั่วคราวจำนวน 4,000 คน ทั้งที่บริษัทส่วนใหญ่ทั่วโลกกำลังลดการว่าจ้างพนักงานเนื่องจากได้รับผลกระทบทางการเงินจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก
-- นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐคนใหม่เตรียมเดินทางเยือนประเทศต่างๆในเอเชีย อาทิ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งถือเป็นการเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการครั้งแรก ภายหลังสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งสวนทางกับธรรมเนียมปฏิบัติก่อนหน้านี้ที่รมว.ต่างประเทศสหรัฐจะเลือกเดินทางเยือนประเทศในแถบยุโรปก่อน
-- ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐอเมริกา ได้โทรศัพท์ถึงประธานาธิบดี ลี เมียง บัค ของเกาหลีใต้ เมื่อวานนี้ พร้อมให้ค่ำมั่นว่าจะส่งเสริมความร่วมมือในการแก้ปัญหานิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี