นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เชื่อว่า เศรษฐกิจไทยในปี 52 คงจะไม่ติดลบถึง 4% ตามที่นายโอฬาร ไชยประวัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรีคาดการณ์ โดยนายกอร์ปศักดิ์ ยังมั่นใจว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตเป็นบวกได้ แต่ขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์ของเศรษฐกิจโลกจะต้องนิ่ง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากระทบกับเศรษฐกิจไทยได้อีก ส่วนเศรษฐกิจในปี 53 ยอมรับว่ายังคาดเดาได้ยาก
รัฐบาลขอใช้เวลาราว 3 เดือนในการประเมินสถานการณ์ของเศรษฐกิจโลก เพื่อจะพิจารณาว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป จำเป็นต้องมีมาตรการใด ๆ เพิ่มเติมหรือไม่ แต่สิ่งสำคัญในขณะนี้คือสภาผู้แทนราษฎรควรให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการผ่าน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 52 เพื่อให้มีเม็ดเงินมาใช้ได้ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็วขึ้นจาก 1 เม.ย.52
"ผมใช้คำพูดที่ว่า เวลาเป็นศัตรูกับการทำงานของรัฐบาล ทุกเวลา ทุกชั่วโมงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องการให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ...เสียงตอบรับพร้อมรับฟัง แต่วันนี้จะให้ปรับทันทีคงไม่ได้ เราต้องนิ่งในการทำงาน" นายกอร์ปศักดิ์ กล่าว
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลมีความเป็นห่วงปัญหาด้านแรงงาน โดยได้ออกมาตรการหลายด้านมาเพื่อดูแลและลดผลกระทบจากการเลิกจ้าง เนื่องจากล่าสุดพบว่าตัวเลขคนตกงานเพิ่มขึ้นทุกเดือน เฉลี่ยเดือนละ 1 หมื่นคน ดังนั้น รัฐบาลจะต้องใช้เงินงบประมาณเพื่อรองรับไม่ให้คนตกงานมากขึ้น ซึ่งมาตรการที่รัฐบาลใช้ก็เพื่อสร้างดีมานด์ให้เกิดการจับจ่ายและเป็นวิธีการแก้ปัญหาจากระดับล่างขึ้นบน
สำหรับข้อเสนอที่ให้ใช้นโยบายการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นนั้น รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อาจขอหารือกับกระทรวงการคลังก่อน แต่เห็นว่าการนำมาตรการภาษีมาใช้จะต้องมีความรอบคอบและระมัดระวัง เพราะมีผลกระทบหลายด้าน เช่น การเสนอให้ลดภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งจะกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลจำนวนมาก และหากเศรษฐกิจโลกไม่นิ่ง การลดภาษีก็อาจจะยิ่งสร้างความเสียหายมากขึ้น