อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการเงินของกระทรวงคลังญี่ปุ่นกล่าวว่า กลุ่มประเทศสมาชิกจี-7 อาจดำเนินการเรียกร้องให้จีนผ่อนคลายนโยบายด้านการเงินให้เงินหยวนมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการประชุมจี-7 ที่กรุงโรม ซึ่งจะเปิดฉากหารือกันในวันที่ 14 ก.พ.นี้
กระแสคาดการณ์เรื่องการเรียกร้องให้ทางการจีนผ่อนคลายนโยบายค่าเงินหยวนครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่นายทิโทธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐเชื่อว่า จีนกำลังปั่นค่าเงิน ซึ่งเขาได้แนะให้คณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐเพิ่มความเข้มงวดในการบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนกับประเทศคู่ค้าของสหรัฐ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จีนปฏิเสธว่า รัฐบาลไม่ได้ทำเรื่องดังกล่าวพร้อมทั้งอ้างข้อกล่าวหาของสหรัฐว่าอาจเป็นชนวนให้เกิดการใช้นโยบายกีดกันทางการค้าเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศของตนเอง (protectionism)
ทั้งนี้ จีนได้ควบคุมการแข็งค่าของเงินหยวนนับตั้งแต่เดือนก.ค.2551 เป็นต้นมาหลังจากที่สกุลเงินดังกล่าวพุ่งขึ้น 21% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเงินหยวนไต่ระดับแข็งค่าขึ้นเรื่อยๆนับตั้งแต่จีนยกเลิกนโยบายผูกติดค่าเงินหยวนกับดอลลาร์สหรัฐในปี 2548
ด้านนายโดมินิก สเตราส์ คาห์น กล่าววานนี้ว่า เงินหยวยยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าความเป็นจริง พร้อมทั้งเสริมว่า จีนควรมุ่งให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้อย่างยั่งยืนในยามที่เศรษฐกิจโลกซบเซา
นอกจากประเด็นเรื่องเงินหยวนแล้ว เขายังกล่าวด้วยว่า การอ่อนค่าของเงินปอนด์เป็นปัญหาสำคัญไม่แพ้กัน หลังจากที่เงินดังกล่าวร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 23 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในเดือนที่แล้ว ดังนั้นที่ประชุมจี-7อาจต้องหารือถึงความจำเป็นในการสร้างเสถียรภาพในตลาดปริวรรตเงินตรา