สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของอังกฤษ (Niesr) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะหดตัวลงต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จากผลกระทบทางเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวต่ำสุดนับตั้งแต่ยุคสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
โดย Niesrคาดการณ์ว่า ในปีนี้ ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพีของอังกฤษจะหดตัวลง 2.7% จากที่คาดการณ์ในก่อนหน้านี้ว่าจะลดลง 0.9% และคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวเพียง 0.5% ซึ่งเป็นอัตราการการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 60 ปี
ด้านเนชั่นไวด์ บิลดิ้ง โซไซตี้เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นผูเบริโภคลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีเมื่อเดือนม.ค.ที่ 40 จุดในเดือนม.ค. เนื่องจากการปรับลดการจ้างงานทำให้ผู้บริโภคมีมุมมองในแง่ลบต่อเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1% ในวันพรุ่งนี้ หลังจากที่ได้ปรับลดดอกเบี้ยเหลือ 1.5% เมื่อเดือนที่แล้ว ท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลในการฟันฝ่าวิกฤตตลาดสินเชื่อและต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ไซมอน เคอร์บีย์ นักวิเคราะห์จาก Niesr กล่าวกับบลูมเบิร์กว่า "เศรษฐกิจอังกฤษเข้าสู่ภาวะถดถอยขั้นร้ายแรง ขณะที่อัตราการบริโภคภาคครัวเรือนจะเป็นตัวการสำคัญที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจในยิ่งตกต่ำลง"
ขณะเดียวกันความต้องการด้านจ้างงานร่วงลงหนักสุดในรอบกว่า 10 ปี ส่งผลให้ตำแหน่งงานว่างลดลงสู่ระดับ 27.4 จุดในเดือนม.ค.จากระดับ 29.2 จุดในเดือนธ.ค.ซึ่งทำสถิติลดลงเป็นเดือนที่ 8 และร่วงลงแรงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มทำการสำรวจในปี 2540
ทั้งนี้ การคาดการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในอังกฤษที่เริ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 3 และจะกินเวลายาวนานไปถึงไตรมาส 3 ของปีนี้ เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปี 2533-2534 มาแล้ว