นายกฯวอนมั่นใจศก.ไทยปีนี้ไม่เลวร้ายถึงขั้น -4%,เล็งขจัดอุปสรรคลงทุน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 4, 2009 16:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้คงไม่ติดลบถึง 4% ตามการคาดการณ์ของนายโอฬาร ไชยประวัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เนื่องจากหน่วยงานต่างๆ ได้รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจไม่ได้เลวร้าย และไม่เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่ำสุดเมื่อเทียบประเทศอื่นๆ

ทั้งนี้ รัฐบาลได้วางเป้าหมายที่จะผผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวเป็นบวก แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะคาดการณ์ว่าการส่งออกในปีนี้มีโอกาสติดลบ แต่กระทรวงพาณิชย์เองก็ได้วางเป้าหมายที่จะผลักดันให้การส่งออกขยายตัว 0-3% เช่นกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นในวันพรุ่งนี้ว่า จะขอความร่วมมือจากรัฐบาลญี่ปุ่นให้สนับสนุนเงินกู้เพื่อใช้ในกการพัฒนาประเทศไทย

พร้อมหารือถึงแนวทางการสนับสนุนให้ภาคธุรกิจของญี่ปุ่นเข้ามาขยายการลงทุนในไทยในบางอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ แม้ขณะนี้ สถานการณ์จะไม่เอื้ออำนวย แต่หากมองระยะยาว เชื่อว่าจะดึงเม็ดเงินลงทุนจากญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยได้มากขึ้น และจะเร่งสร้างความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวในประเทศไทยในสายตานักท่องเที่ยวญี่ปุ่น

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีแผนยกคณะเดินทางเยือนประเทศจีนในเดือน มี.ค.นี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนเช่นเดียวกัน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจวันนี้ได้มีการหารือถึงปัญหาการลงทุนในประเทศ หลังจากพบปัญหาในทางปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมศุลกากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และกระทรวงการต่างประเทศ ที่มีแนวทางปฏิบัติที่ที่ขัดแย้งกันเองจนกลายเป็นอุปสรรคต่อการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ และบางเรื่องมีปัญหาจนกลายเป็นคดีความ ฟ้องร้องถึงคดีอาญา

ดังนั้น ที่ประชุมจึงได้มอบหมายให้ ปลัดกระทรวงการคลัง หารือกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสะสางปัญหาที่เกิดขึ้น และวางแนวทางปฏิบัติของหน่วยงานให้เกิดความชัดเจน กำหนดข้อตกลงหรือความเห็นที่สอดคล้องในแนวทางเดียวกัน

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังรับทราบข้อมูลทางเศรษฐกิจ และได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญเพิ่มเติมในเรื่องการส่งออก และการท่องเที่ยว โดยให้เจาะประเด็นข้อมูลมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญ เพื่อที่รัฐบาลจะได้วางมาตรการใหม่ ให้สอดคล้องเพราะถือเป็นมาตรการใหม่และเงินลงทุนใหม่ๆ ที่จะไหลเข้าประเทศ

"หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีข้อตกลงว่าจะทำอย่างไร ให้ความเห็นของแต่และหน่วยงานที่รับผิดชอบตามกฎหมาย หรือให้เป็นความเห็นทางการ ไม่ใช่กรณีที่มีการให้ความเห็นแล้ว แต่นำไปปฏิบัติไม่ตรงกัน จึงนำไปสู่การฟ้องร้องลงโทษ ไม่จบสิ้น ดังนั้น ต้องวางแนวทางแก้ไข เพราะเป็นเรื่องที่นักลงทุนวิตกกังวล หากไม่สะสางก็กระทบความเชื่อมั่น...หากเรารู้รายละเอียดของประเทศคู่ค้า เราก็จะรู้เป้าหมายในการดึงเม็ดเงินเข้าประเทศ"นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การประชุมครม.เศรษฐกิจสัปดาห์หน้า ได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสรุปข้อมูลและมาตรการรองรับใน 2 เรื่อง คือ ปัญหาการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินว่าได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินโลกอย่างไร และเศรษฐกิจชะลอตัวมากน้อยแค่ไหน โดยกระทรวงการคลังรับมอบหมายให้ดูแลเรื่องการค้ำประกันสินเชื่อ และกลไกการสร้างความมั่นใจ เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบมากขึ้น

อีกเรื่องเป็นการสรุปสถานการณ์แรงงาน เพื่อเพื่อให้เกิดความชัดเจน เกี่ยวกับยอดการว่างงาน ในเดือน พ.ย.-ธ.ค.51 และยอดการเข้าไปดูแลช่วยเหลือในระบบประกันสังคม เพื่อที่รัฐบาลจะได้มีการเชื่อมโยงข้อมูลตามมาตรการฝึกอบรมแรงงาน ฝึกอาชีพ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ