ภาคธุรกิจบริการของสหรัฐส่อเค้าปรับตัวลดลงในเดือนม.ค. เนื่องจากอัตราว่างงานที่พุ่งสูงขึ้นได้สร้างแรงกดดันต่อการใช้จ่ายผู้บริโภค
นักวิเคราะห์จากโพลล์ของบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ดัชนีภาคบริการของสำนักงานจัดการอุปทานปรับตัวลดลงสู่ระดับ 39 จุดในเดือนม.ค. จาก 40.1 จุดในเดือนธ.ค. ซึ่งตัวเลขที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 จุด บ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
ยอดการใช้จ่ายที่ทรุดหนักเป็นประวัติการณ์ทำให้บรรดาผู้ค้าปลีกหลายแห่งต้องโละพนักงานหลายตำแหน่งไล่ตั้งแต่เมซีส์ (Macy’s Inc.) ห้างสรรพสินค้ารายใหญ่อันดับสองของสหรัฐที่ประกาศลอยแพพนักงาน 7,000 ตำแหน่งหรือ 3.9% ของพนักงานทั้งหมดเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่าย หลังจากที่ได้งัดกลยุทธ์หั่นราคาสินค้าเพื่อดึงดูดนักช้อปในช่วงวันหยุดที่เงียบเหงาที่สุดในรอบ 40 ปี
ขณะที่สตาร์บัคส์ คอร์ป เชนร้านกาแฟรายใหญ่สุดของโลกมีแผนลอยแพพนักงาน 6,700 ตำแหน่งและปิดร้านค้าบางแห่ง หลังรายงานผลกำไรไตรมาสแรกวูบหนักกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นนี้ได้บั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจนส่งผลให้มีการปรับลดการใช้จ่ายตามมา ขณะที่หลายฝ่ายคาดว่า ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจะยิ่งถลำลึกลงอีกหลังจากเศรษฐกิจสหรัฐร่วงหนักสุดในรอบ 26 ปี
มิเชล เมเยอร์ นักวิเคราะห์จากบาร์เคลย์ แคปิตอล อิงค์ กล่าวว่า "เศรษฐกิจจะเผชิญกับอุปสรรคอย่างหนักหน่วงในปีนี้ ขณะที่ดัชนีภาคการบริการที่ลดลงนั้นก็ออกมาสอดคล้องกับการปลดพนักงานและการใช้จ่ายผู้บริโภคและภาคธุรกิจ"
ทั้งนี้ สำนักงานจัดการอุปทานจะรายงานดัชนีภาคการบริการในเวลา 10.00 น. ตามเวลานิวยอร์กวันนี้ ซึ่งนอกจากการเปิดเผยดัชนีภาคการบริการแล้ว สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานด้วยเช่นกัน ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าตลาดแรงงานจะเลวร้ายลงนับตั้งแต่ต้นปี โดยเชื่อว่าบริษัทต่างๆมียอดปรับลดพนักงาน 535,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค.