ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์พุ่งเทียบเงินสกุลหลักๆ หลังตลาดหุ้นร่วงกระตุ้นนลท.แห่ซื้อดอลล์

ข่าวต่างประเทศ Thursday February 5, 2009 07:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (4 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนแห่เข้าซื้อดอลลาร์หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐได้ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงกว่า 100 จุด นอกจากนี้ ดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์ เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางอังกฤษอาจลดดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเย็นวันพฤหัสบดีนี้

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 89.420 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 89.250 เยน/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1583 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1419 ฟรังค์/ดอลลาร์

ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.2843 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.3036 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินปอนด์ดิ่งลงแตะระดับ 1.4455 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4464 ดอลลาร์/ปอนด์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแตะระดับ 0.6425 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.6525 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนตัวลงแตะระดับ 0.5064 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5130 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์

นักลงทุนจำนวนมากปลีกตัวออกจากตลาดหุ้นนิวยอร์กและเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐอย่างคับคั่งหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนและดัชนีภาคบริการที่ร่วงลงอย่างหนัก ซึ่งส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ โดย ADP Employer Services ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้บริการด้านข้อมูลจ้างงานของสหรัฐเปิดเผยว่า เปิดเผยว่า ภาคเอกชนในสหรัฐลดการจ้างงานลง 522,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. หลังจากลดลง 659,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค.

ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการเดือนม.ค.อยู่ที่ 42.9 จุด เมื่อเทียบกับเดือนธ.ค.ที่ 40.1 จุด โดยดัชนีที่ระดับต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงการหดตัวในภาคบริการ

นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานเดือนม.ค.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าอัตราว่างงานเดือนม.ค.จะพุ่งขึ้นแตะระดับ 7.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี และคาดว่าตัวเลขจ้างงานเดือนม.ค.จะร่วงลง 530,000 ตำแหน่ง ซึ่งจะเป็นการร่วงลงติดต่อกันยาวนานถึง 13 เดือน เนื่องจากยอดขายที่ตกต่ำลงส่งผลให้บริษัทเอกชนแห่ลดการจ้างงาน

นักลงทุนจับตาดูการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) โดยมีการคาดการณ์ว่าอีซีบีจะตรึงดอกเบี้ยที่ 2% และธนาคารกลางอังกฤษจะลดดอกเบี้ยลงอีก หลังจากธนาคารกลางอังกฤษลดดอกเบี้ยลง 0.5% แตะที่ 1.5% ในการประชุมเมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อยับยั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งการตัดสินใจของแบงก์ชาติอังกฤษในครั้งนี้ทำให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์ 315 ปีของธนาคาร

สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของอังกฤษ (Niesr) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะหดตัวลงอีก 2.7%ในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะหดตัวลงเพียง 0.9% และคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวเพียง 0.5% ซึ่งเป็นอัตราการการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 60 ปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ