เอสปรี โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเสื้อผ้ารายใหญ่ที่สุดที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงด้วยนั้น จะชะลอการขยายธุรกิจในยุโรป หลังจากที่เศรษฐกิจของประเทศต่างๆในแถบยุโรปถดถอยลงจนทำให้กำไรของบริษัทร่วงลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี
เอสปรี ซึ่งมียอดขายในยุโรปถึง 4 ใน 5 ของยอดขายทั้งหมด ได้เปิดเผยตัวเลขรายได้สุทธิของบริษัทที่ร่วงลง 13% เหลือ 2.85 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 368 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงครึ่งปีหลังของปีที่แล้ว นับเป็นตัวเลขที่ห่างจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่บลูมเบิร์กได้สำรวจความคิดเห็นที่ 3.06 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง ส่วนกำไรจากการปฏิบัติการหดตัวลงเหลือ 17.9% จากระดับ 21.7%
ฟิโอน่า หว่อง นักวิเคาะห์ของซัน ฮุง ไค พร็อพเพอร์ตีส์ กล่าวว่า การรายงานเรื่องตัวเลขรายได้ที่ร่วงลงดังกล่าวเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ และไม่มั่นใจว่าจะมีการขยายตัวมากไปกว่านี้หลังจากที่ตลาดสินค้าผู้บริโภคโดยรวมกำลังหดตัวลงอย่างรวดเร็ว
ไฮนซ์ ครอกเนอร์ ประธานบริษัท ซึ่งกำลังรับมือกับดีมานด์ที่หดตัวอันเนื่องมาจากวิกฤตการเงินโลกทำให้เศรษฐกิจของประเทศต่างๆในยุโรปอยู่ในภาวะถดถอย โดยเฉพาะเยอรมนี ซึ่งเอสปรีมียอดขายถึงครึ่งหนึ่งของยอดขายครึ่งปีแรกที่ 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง โดยเงินยูโรก็ปรับตัวลงประมาณ 13% นับตั้งแต่ต้นปีที่แล้วเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งเป็นสกุลเงินที่บริษัทค้าปลีกระบุในรายงานตัวเลขรายได้
เอสปรี ซึ่งจะยังคงเปิดร้านใหม่ต่อไปนั้น แต่บริษัทก็จะชะลอการเปิดร้านในตลาดที่แบรนด์ของบริษัทไม่ได้เป็นที่รูจักดีนัก อย่างเช่น สเปน แต่จะยังคงขยายตลาดในออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ เดนมาร์ก และสวีเดน ซึ่งเป็นตลาดที่รู้จักแบรนด์เอสปรีเป็นอย่างดี แต่ยังมียอดขายไม่สูงนัก
ประธานเอสปรีกล่าวต่อไปว่า เราจะขยายธุรกิจอย่างระมัดระวัง การเข้าไปในตลาดใหม่จะต้องใช้เวลากว่าที่จะติดตลาด แต่เราก็มีโอกาสอีกมากเพราะแบรนด์ของเรายังไม่อยู่ในจุดที่อิ่มตัวในตลาดใหญ่ๆ