นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กล่าวยืนยันว่า เศรษฐกิจไทยในปี 52 จะไม่อยู่ในภาวะติดลบอย่างแน่นอน ซึ่งจากประมาณการของ 3 หน่วยงาน คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.), สศค. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) มีความเห็นสอดคล้องกันว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวที่ 0-2%
หากมองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะติดลบ 4% หากพิจารณาจากแบบจำลองของ สศค.แล้วจะเกิดจากการที่เศรษฐกิจต่างๆ ทั่วโลก อาทิ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น อังกฤษ ไม่ได้มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆ ออกมา โดยเป็นสมมติฐานที่เศรษฐกิจโลกย่ำแย่ที่สุด ซึ่งจากสมมติฐานดังกล่าวอาจทำให้เศรษฐกิจไทยติดลบมากกว่า 4% ด้วย
แต่ตามข้อเท็จจริงแล้วจะเห็นได้ว่าประเทศต่างๆ ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง บางประเทศจะมีมาตรการมากบ้างน้อยบ้างขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหา เช่น สหรัฐฯ ได้ใช้งบประมาณกว่า 8.2 แสนล้านดอลลาร์ คิดเป็น 6% ของ GDP สหรัฐฯ มากระตุ้นเศรษฐกิจ, ญี่ปุ่นใช้ 5.39 แสนล้านดอลลาร์ คิดเป็น 12.3% ของ GDP, จีนใช้ 5.85 แสนล้านดอลลาร์ คิดเป็น 17.9% ของ GDP, สิงคโปร์ ซึ่งคล้ายกับไทย ที่ติดลบไตรมาส 4 ใช้ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ คิดเป็น 8.4% ของ GDP ขณะที่ไทยใช้ประมาณ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ คิดเป็น 5% ของ GDP
"คลัง พร้อมรับฟังประมาณการเศรษฐกิจของนักเศรษฐศาสตร์ที่มองว่าเศรษฐกิจไทยจะติดลบ ซึ่งเดาใจอาจารย์โอฬารว่าอยู่ภายใต้สมมติฐานนี้ที่ประเทศต่างๆ ไม่ได้ออกมาตรการกระตุ้นเสรษฐกิจ...ไม่ได้ต้องการมาตอบโต้กูรูของประเทศ แต่อยากให้ทราบข้อเท็จจริงว่าสถานการณ์ของไทยเป็นอย่างไร" นายสมชัย กล่าว
นอกจากนี้ ยังมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยปี 52 มีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ถึง 2% โดยจะเกิดจากการที่รัฐบาลได้มีการออกมาตรการต่างๆ มากระตุ้นเศรษฐกิจทั้งการจัดทำงบกลางปี 1.167 แสนล้านบาท ซึ่งจะมีเม็ดเงินจริงเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 9 หมื่นล้านบาท มีการเบิกจ่ายเงิบประมาณให้ได้ตามเป้าหมาย 94% มีการเบิกจ่ายงบเหลื่อมปีให้ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังมีเงินกู้สำรองที่พร้อมจะเบิกจ่ายได้ทันที ส่วนนี้จะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวได้แล้วอย่างน้อย 1%
"เศรษฐกิจไทยยังมีเสถียรภาพ ไม่ได้อยู่ภายใต้ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ซึ่งในปี 53 ยังมองว่าเศรษฐกิจไทยยังน่าจะโต 3% ภายใต้การคาดการณ์เศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 3 และ 4 และต่อเนื่องถึงปี 53 แต่ยอมรับว่าอาจยังขยายตัวได้ไม่เต็มที่ ซึ่งจำเป็นที่รัฐบาลยังต้องใช้นโยบายขาดดุลงบประมาณต่อเนื่องอีก" นายสมชัย กล่าว
ในส่วนของภาคการส่งออก จากเดิมเคยคาดการณ์ว่า จะติดลบในทุกเซ็คเตอร์ แต่จากข้อมูลล่าสุดพบว่า มี 2-3 เซ็คเตอร์ที่ยังส่งออกเป็นบวก คือ อุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องนุ่มห่ม เกษตรและอาหาร พบว่า ยังไม่มีการปิดโรงงานหรือปรับลดคนงาน ถือว่าเป็นโอกาสในช่วงวิกฤต อาจทำให้การส่งออขยายตัวได้ดี
นอกจากนี้ รัฐบาลได้มีการออกมาตรการระยะสั้นเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ยังได้เตรียมออกมาตรการระยะกลางและระยะยาวเพื่อวางโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศ เช่น การเดินหน้าเมกะโปรเจ็คส์
ส่วนฐานะเงินคงคลังนั้น นายสมชัย กล่าวว่า ไม่ได้อยู่ในภาวะผิดปกติ นอกจากนี้ยังคณะกรรมการดูแลรายรับรายจ่ายภาครัฐอยู่ เงินคงคลังจะมีการขึ้นลงเป็นช่วง ช่วงต้นปีจะลดลง และจะมีการปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่มีการจัดแก็บภาษีเงินได้ ยืนยันว่า กระทรวงการคลังมีคณะทำงานทั้ง สศค. และสำนักบริหารหนี้สาธารณะ และกรมบัญชีกลางดูแลการบริหารเงินคงคลังอย่างใกล้ชิด