นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยถึงการเดินทางไปโรดโชว์ที่ญี่ปุ่นวันแรกพบว่า บริษัทนิปปอน สตีล และบริษัทเจเอฟอี ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของญี่ปุ่น ยืนยันต้องการเข้ามาลงทุนผลิตเหล็กต้นน้ำคุณภาพสูงในประเทศไทย ซึ่งกระทรวงฯ ยืนยันว่ารัฐบาลมีนโยบายจะส่งเสริมโครงการเหล็กต้นน้ำให้เกิดขึ้นในประเทศไทยให้ได้
รวมทั้งได้รายงานความคืบหน้าของการผลักดันโครงการ เช่น บีโอไอกับสถาบันเหล็กได้ร่วมกันกำหนดหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกบริษัทที่จะเข้ามาดำเนินโครงการ รวมทั้งการตั้งคณะทำงานขึ้นมา 3 ชุด เพื่อดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม, มวลชนสัมพันธ์ และประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งบริษัทนิปปอน สตีล และบริษัท เจเอฟอี สตีล ต่างพอใจกับจุดยืนของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันโครงการอย่างจริงจัง
"แม้ว่าบริษัทผู้ผลิตเหล็กของญี่ปุ่นจะกังวลเรื่องผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย แต่เราได้ชี้แจงให้เขามั่นใจว่าช่วงเวลาในขณะนี้เหมาะที่จะไปลงทุนในต่างประเทศ เพราะค่าเงินเยนแข็ง ต้นทุนต่างๆ ในการดำเนินธุรกิจอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งเมื่อเริ่มดำเนินโครงการในตอนนี้ อีก 2 ปีข้างหน้าเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวก็จะสามารถผลิตเหล็กสนองความต้องการได้ทันที" นายชาญชัย กล่าว
รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า เมื่อเดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้ว จะเสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีโดยทันที เพื่อให้สามารถเร่งรัดการดำเนินการต่างๆ ให้โครงการเหล็กต้นน้ำเกิดขึ้นให้ได้ และคาดว่าภายในปีนี้จะมีความชัดเจนเรื่องพื้นที่ตั้งโครงการ และบริษัทที่จะเข้ามาลงทุน
นายชาญชัย ยังกล่าวถึงการพบปะกับบริษัท มิตซุย เทรดดิ้ง ว่าปัจจุบันผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร จึงอยากให้ประเทศไทยเน้นเรื่องการสร้างแบรนด์และสร้างความไว้วางใจจากผู้บริโภคในด้านคุณภาพและความปลอดภัยต่อไป โดยบริษัทพร้อมจะทำงานร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม โดยเฉพาะบทบาทในการประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความมั่นใจในด้านมาตรฐานความปลอดภัยของอาหารที่ผลิตในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น รวมถึงการสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยของการผลิตอาหารแก่ทุกภาคส่วนของประเทศไทย
สำหรับการหารือกับประธานองค์กรส่งเสริมนวัตกรรมของกิจการขนาดกลางและขนาดย่อมของญี่ปุ่น ทั้ง 2 ฝ่ายต่างเห็นตรงกันว่า ควรมีความร่วมมือกันมากขึ้นระหว่าง SMEs ไทยและญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบัน SMEs ญี่ปุ่นจำนวนมากได้เข้ามาลงทุนในไทยแล้วและเชื่อว่าจะมีเพิ่มเติมอีก