ธนาคารกลางออสเตรเลียปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา พร้อมทั้งกล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยของออสเตรเลียที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 40 ปีจะช่วยกระตุ้นความต้องการด้านการส่งออกได้อย่างมีนัยสำคัญ
ธนาคารกลางออสเตรเลียคาดว่า ตัวเลขผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในรอบ 12 เดือนที่สิ้นสุด ณ เดือนมิ.ย.จะขยับขึ้นเพียง 0.25% ซึ่งน้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 1.5% ขณะที่ในปีนี้ จีดีพีจะเพิ่มขึ้น 0.5% ก่อนที่จะไต่ระดับขึ้นไปแตะที่ 2.5% ในปีหน้า
เกลน สตีเว่นส์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลียได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงไปแล้ว 4.0% นับตั้งแต่ต้นเดือนก.ย.มาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 45 ปีที่ 3.25% เพื่อสกัดกั้นมิให้เศรษฐกิจออสเตรเลียเผชิญภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2534 ขณะที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศด้วยการทุ่มเงินช่วยเหลือ 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับใช้ในการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน
ในส่วนของอัตราเงินเฟ้อนั้น ธนาคารกลางเผยว่า ตัวเลขดังกล่าวชะลอตัวลงจากผลกระทบของเศรษฐกิจที่อ่อนแอรวมถึงราคาน้ำมันเบนซินและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง ซึ่งธนาคารตั้งเป้ารักษาระดับเงินเฟ้อในเคลื่อนไหวในช่วง 2-3% ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.7% ในไตรมาส 4 จะไต่ระดับขึ้นเพียง 1.75% ในช่วง 12 เดือนที่สิ้นสุด ณ เดือนมิ.ย. เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ในก่อนหน้านี้ที่ 3.25%
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 11.33 น.ตามเวลาซิดนีย์ เงินดอลลาร์ออสเตรเลียเคลื่อนไหวที่ 65.02 เซนต์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 64.98 เซนต์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะ 2 ปีเพิ่มขึ้น 0.03% แตะที่ 2.74%
ธนาคารกลางกล่าวว่า "ทั่วโลกเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่เลวร้ายลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และภาวะเช่นนี้จะกดดันให้ออสเตรเลียเผชิญอุปสรรคต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้อัตราเงินเฟ้อเผชิญภาวะขาลงอย่างต่อเนื่อง"