กรมธุรกิจพลังงานไม่พบปั๊มน้ำมันกักตุนก่อนขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน

นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.)เปิดเผยว่า จากการตรวจเช็คสต็อกน้ำมันเมื่อวันที่ 31 ม.ค.ก่อนการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันในวันที่ 1 ก.พ.52 ไม่พบว่ามีสถานีบริการน้ำมันปฏิเสธการจำหน่าย หรือจงใจกักตุน เนื่องจากภาครัฐได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการทราบว่าหากพบการกักตุนน้ำมันอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายมีโทษทั้งจำทั้งปรับ ถือว่าเป็นโทษที่รุนแรง ไม่คุ้มค่าความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม มีการพบการปฏิเสธการจำหน่ายน้ำมันกับรถยนต์ที่ต้องการเติมใส่แกลลอน และมีปัญหาในส่วนที่น้ำมันหมดในช่วงเวลารอการขนส่ง เพราะมีประชาชนเติมกันมากกว่าปกติเท่านั้น แต่สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

ทั้งนี้ ธพ.ขอ ยืนยันว่าผู้ค้าไม่ได้ผลกำไรจากการขึ้นภาษี เนื่องจากอัตราราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น 1.55 บาท/ลิตร เป็นการขึ้นตามภาษีที่กระทรวงการคลังจัดเก็บ และกระทรวงพลังงานจะจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ กลับไปอยู่ในอัตราเดิม โดยเงินกองทุนน้ำมันฯนี้จะนำเข้ามาดูแลผู้บริโภคนั่นเอง

“การเช็คสต๊อกน้ำมันคงเหลือนี้เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของประชาชนไม่ให้ปั๊มน้ำมันเอาเปรียบประชาชนได้ เพราะเมื่ 24 ก.ค. 51 ที่ได้ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ก็ได้มีการตรวจเช็คสต๊อกน้ำมันเพื่อจ่ายเงินชดเชยให้ผู้ประกอบการ และเมื่อสิ้นสุด มาตรการ ผู้ประกอบการก็ต้องยินยอมให้เจ้าหน้าที่เช็คสต๊อกเพื่อเรียกเก็บเงินคืนกองทุนน้ำมันด้วย

หากมีการกักตุนก็ถือเป็นเข้าข่ายผิดกฎหมาย มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือหากตรวจพบปริมาณน้ำมันไม่เต็มหัวจ่ายก็เข้าข่ายโกงทางด้านปริมาณ มีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถือว่าเป็นโทษที่รุนแรง