นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยืนยันกับนักธุรกิจญี่ปุ่นในระหว่างการเดินทางไปโรดโชว์ว่า ขณะนี้สถานการณ์ในประเทศไทยได้เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว และไทยพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวต่อไป หลังจากช่วงปลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยต้องประสบปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง และมีการชุมนุมปิดทำเนียบรัฐบาลและสนามบินแห่งชาติถึง 2 แห่ง
"ปีที่ผ่านมาเป็นปีแห่งความยุ่งยากของเรา เพราะความวุ่นวายทางการเมือง มีทั้งการยึดทำเนียบรัฐบาลและปิดสนามบินถึง 2 แห่ง ผมเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ขณะนี้เหตุการณ์เหล่านั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว และจะไม่เกิดขึ้นอีก ผมขอยืนยันว่าประเทศเข้าสู่ภาวะปกติ และมีความสงบแล้ว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกท่านจะมั่นใจและเชื่อมั่นในประเทศไทยต่อไป" นายอภิสิทธิ์ กล่าวปาฐกถาในงาน "ทิศทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวของประเทศไทย"
งานสัมนนาดังกล่าวมีนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นรวมรับฟังราวพันกว่าคน จัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ), กรมส่งเสริมการส่งออก และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางไปโรดโชว์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของไทยในญี่ปุ่น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การค้าของ 2 ประเทศถือว่ามีความแข็งแกร่ง โดยในปี 51 ญี่ปุ่นเป็นตลาดสินค้าส่งออกอันดับ 2 ของไทย รองจากสหรัฐฯ มีมูลค่า 20,090 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ไทยนำเข้าจากญี่ปุ่น 33,402 ล้านดอลลาร์ และเมื่อความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 50 ก็ยิ่งทำให้การค้าระหว่างกันเพิ่มสูงขึ้น ส่วนการลงทุนนั้น นักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยมากถึง 40% ของมูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศในไทย โดยปัจจุบันมีบริษัทญี่ปุ่นในไทยมากกว่า 7,000 แห่ง
อย่างไรก็ดี จากเหตุการณ์ปิดสนามบินในช่วงปลายปีที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อด้านการท่องเที่ยวอย่างมาก ซึ่งรัฐบาลได้ผ่านร่างกฎหมายเพื่อดูแลการรักษาความปลอดภัยแก่สนามบินให้มีความเข้มงวดมากขึ้น รวมถึงการออกมาตรการจูงใจ เช่น ไม่เสียค่าธรรมเนียมการทำวีซ่าเข้าประเทศ ลดค่าธรรมเนียมการขึ้น-ลงสนามบิน เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้น่าจะช่วยกระตุ้นด้านการท่องเที่ยวของไทยให้กลับมาดีขึ้นได้
"เหตุการณ์การเมืองในไทยช่วงที่ผ่านมา ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยว และนักลงทุนมาไทยลดลง ไทยต้องเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลของผมจะทำงานอย่างหนักเพื่อให้ประเทศไทยยังคงเป็นสยามเมืองยิ้ม เป็นดินแดนแห่งเสรีภาพและเป็นดินแดนแห่งโอกาสต่อไป" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สุนทรพจน์ของนายกรัฐมนตรีจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนชาวญี่ปุ่นได้ เพราะพูดในสิ่งที่ชาวญี่ปุ่นต้องการจะฟัง หลังจากที่ไทยเกิดปัญหาทางการเมืองส่งผลให้นักลงทุนญี่ปุ่นเกิดความสับสนและขาดความเชื่อมั่น
อย่างไรก็ตาม การโรดโชว์ครั้งนี้แม้จะยังไม่สามารถทำให้เกิดการลงทุนได้ในทันที เพราะขณะนี้เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังซบเซา แต่เมื่อไรที่มีความพร้อม เชื่อว่านักลงทุนญี่ปุ่นจะกลับมาลงทุนแน่นอน
นายยาซูโอะ ฮายาชิ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่น(เจโทร) กล่าวว่า ญี่ปุ่นเชื่อมั่นประเทศไทยมากขึ้น และนักลงทุนญี่ปุ่นน่าจะเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นด้วย เพราะขณะนี้ประเทศไทยมีทิศทางที่ชัดเจนและการเมืองเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น