นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวในงานสัมมนา"โอกาส...ในวิกฤต" หัวข้อ"โอกาสทางภาคการเงิน"ว่า ขณะนี้วิกฤตการเงินโลกได้มาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่มองว่าจากการที่ภาคสถาบันการเงินของไทยมีตวามแข็งแกร่ง มีการปรับตัวหลังจากเกิดวิกตในปี 40 ถือเป็นความได้เปรียบของไทย นอกจากนี้วัฒนธรรมของคนไทยที่เป็นคนประหยัด มีความรู้สึกไม่ปลอดภัยหากไม่มีเงินเก็บในมือ จึงเห็นได้ว่าคนไทยมีเงินฝากอยู่จำนวนมาก
ดังนั้น จึงถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ไทยยังมีเม็ดเงิน แต่ต้องให้โอกาสของการที่มีเงินในมือ หันมาจับจ่ายใช้สอยอย่างเหมาะสม เพราะขณะนี้ถือว่าคนมีเงินอยู่ในมือมีโอกาสต่อรองซื้อสินค้าราคาถูก เช่น การเข้าไปลงทุนในหุ้น เห็นว่าขณะนี้มีหุ้นหลายตัวมีราคาต่ำกว่าพื้นฐาน
นางกรรณิกา กล่าวว่า นักลงทุนไม่ควรรีรอเพื่อให้ดัชนีตลาดหุ้นถึงจุดต่ำสุด เพราะไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ว่าจุดไหนคือจุดต่ำสุด แต่อยากให้เป็นการลงทุนซื้อหุ้นในระยะยาว 3-5 ปี อย่าหวังเพียงเก็งกำไรระยะสั้น 6 - 12 เดือน ขณะเดียวกันจำเป็นต้องมีการติดตามข้อมูลต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพราะเหตุการณ์ต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
"แบงก์ได้มีการเตือนลูกค้ามาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วว่าเศรษฐกิจไม่ดี แต่ก็ไม่อยากให้เก็บตัว ให้มองในด้านบวก มีเงินก็ออกมาจับจ่ายให้เกิดกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็ต้องมีความระมัดระวัง...การที่ให้คนหันมาจับจ่าย รวมถึงการซื้อกิจการ ในส่วนของธนาคารเองมีความสนใจแต่ขณะนี้ยังไม่ได้มองธุรกิจใดเป็นพิเศษ หรือมีธุรกิจใดเสนอขายกิจการ คงต้องพิจารณาความเหมาะสม เนื่องจากขณะนี้ธนาคารเองก็มีการเติบโตที่ดีอยู่แล้ว" นางกรรณิกา กล่าว
สำหรับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันควรเป็นโอกาสให้ภาคธุรกิจมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน ปรับโครงสร้างอค์กร แต่ไม่ใช่เป็นการลดพนักงาน ซึ่งมองว่าจังหวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวเอื้อต่อการปรับปรุงธุรกิจดีกว่าช่วงเศรษฐกิจที่ดี ขณะเดียวกันอยากเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนช่วยกันในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ซึ่งถือว่าส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ
พร้อมเสนอแนะว่า ภาคเอกชนและรัฐบาลควรมีการดำเนินการในเรื่องการเดินสายชี้แจงข้อมูล (โรดโชว์) กับนักลงทุนต่างประเทศอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่องและดึงเม็ดเงินกลับคืนมา