นายกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการในระยะต่อไปคือการระดมกำลังระหว่างประชาชนและภาคเอกชน โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ร่วมขับเคลื่อนดูเลศรษฐกิจ พร้อมกันนั้นก็จะให้ความสำคัญกับปัญหาที่น่าหนักใจ คือ ปัญหาการว่างงาน เนื่องจากรมว.แรงงานคาดว่าในปีนี้อาจจะมีผู้ตกงานถึง 1 ล้านคน ดังนั้น รัฐบาลก็จำเป็นต้องเตรียมมาตรการรองรับปัญหาดังกล่าวต่อไป
รมว.คลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 4/51 ขยายตัวติดลบ ซึ่งเป็นผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกและปัญหาภายในประเทศ ขณะที่รัฐบาลเองพยายามสร้างความเชื่อมั่น และอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ ด้วยงบกลางปี 52 อีกกว่าแสนล้านบาทที่คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 2 และ 3 วันที่ 11 ก.พ.นี้ จากนั้นจะเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา คาดว่าจะมีการเบิกจ่ายงบประมาณถึงมือประชาชนได้ในช่วงต้นเดือนเม.ย. ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นกว่าแสนล้านบาท และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตได้ต่อไป
ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะประเมินผลของการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ซึ่งมาตรการการคลังที่ออกมานั้น เป็นการดูแลเศรษฐกิจไม่ให้เครื่องดับ นอากจากนั้นจะมีมาตรการระยะกลางและระยะยาว เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันทั้งการลงทุนในระบบสาธารณูปโภค ระบบน้ำ และคมนาคมขนส่ง
สำหรับสมมติฐานที่มีการคาดการณ์ออกมาว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้อาจติดลบนั้น นายกรณ์ กล่าวว่า น้อยครั้งที่สมมติฐานจะตรงกับความเป็นจริง ซึ่งรัฐบาลเองก็ติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดว่าผลของการออกมาตรการจะเป็นอย่างไร แต่ยืนยันว่าขณะนี้เศรษฐกิจของประเทศยังมีเสถียรภาพ สัดส่วนหนี้ต่อทุนทั้งระบบธนาคาร ผู้ประกอบการ และประเทศ ยังอยู่ในระดับที่ดี แต่ที่เป็นปัญหาคือรอบหมุนของเงินเท่านั้นที่จะต้องมีการแก้ไข