ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ เปิดเผยในงานแถลงข่าวสื่อมวลชนครั้งแรกนับตั้งแต่ก้าวเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐว่า เศรษฐกิจภายในประเทศกำลังเผชิญวิกฤตการณ์รุนแรง และจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลต้องใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจเพื่อสร้างงานให้กับประชาชน
การแสดงความคิดเห็นของโอบามามีขึ้นหลังจากสมาชิกวุฒิสภาลงมติด้วยคะแนนเสียง 61-36 เห็นพ้องให้ยุติการอภิปรายแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงเช้านี้ (ตามเวลาไทย) ส่วนการลงมติรับหรือไม่รับร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 838,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการลดลงจากวงเงินเดิม 937,000 ล้านดอลลาร์ จะมีขึ้นในวันนี้เวลา 12.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 24.00 น. ตามเวลาในไทย
โอบามากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "จริงอยู่ที่เราไม่อาจพึ่งพารัฐบาลเพียงฝ่ายเดียวในการสร้างงานหรือกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ ภาคเอกชนก็ถูกกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยด้วย ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงเป็นเสมือนที่พึ่งเดียวในการกอบกู้เศรษฐกิจให้กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง"
"ผมขอเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งผ่านแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยเร็ว เพราะไม่เช่นนั้นเศรษฐกิจจะเผชิญกับหายนะอย่างแน่นอน และหากเลื่อนการลงมติออกไป ก็จะยิ่งทำให้การแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจ ยากขึ้นไปอีก เราได้เห็นบทเรียนเรื่องนี้เกิดขึ้นในญี่ปุ่นเมื่อช่วงทศวรรษที่ 1990 ซึ่งครั้งนั้นรัฐบาลญี่ปุ่นไม่กล้าใช้มาตรการเชิงรุก และผลที่ตามมาก็คือเศรษฐกิจญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะวิกฤติรุนแรงขนาดที่เรียกว่า 'Lost Decade' ซึ่งทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นย่ำแย่ตลอดช่วงทศวรรษดังกล่าว" โอบามากล่าว
พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา โดยมี 58 เสียง และจำเป็นต้องรวบรวมเสียงให้ได้ 60 เสียงที่จำเป็นสำหรับการผ่านแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวุฒิสภาที่มีคะแนนเสียงรวม 100 เสียง ดังนั้นจึงต้องการเสียงจากวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันเพียง 2 เสียงเท่านั้นในการสนับสนุนแผนฉบับนี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ตัวเลขจ้างงานประจำเดือนม.ค. ร่วงลง 598,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงหนักสุดในรอบ 35 ปี และรุนแรงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 524,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 7.6% เมื่อเทียบกับระดับ 7.2% ในเดือนธ.ค. และทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปี 2535 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้กดดันนายจ้างให้ต้องปรับลดจำนวนพนักงาน สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน