สื่อคาด"ฟอร์ด" และ "เซ็นเท็กซ์" ได้รับเงินช่วยเหลือจากมาตรการกระตุ้นศก.สหรัฐ

ข่าวต่างประเทศ Tuesday February 10, 2009 15:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ และเซ็นเท็กซ์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐ อาจจะเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้เงินช่วยเหลือมากที่สุดจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 8.38 แสนล้านดอลลาร์ซึ่งที่ประชุมวุฒิสภาจะลงคะแนนเสียงเที่ยงคืนนี้ตามเวลาในประเทศไทย

วุฒิสภาสหรัฐมีแนวโน้มให้การสนับสนุนบริษัทผู้ผลิตรถและบริษัทรับสร้างบ้านมากกว่าสภาผู้แทนราษฎรในการประชุมเพื่ออนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 8.19 แสนล้านดอลลาร์เมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่บริษัทผู้ทำธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานทางเลือกและบริษัทก่อสร้างอย่าง ซันด์ คอนสตรัคชั่น อิงค์ ในเมืองเทมเป รัฐแอริโซน่านั้น กลับได้รับเงินช่วยเหลือน้อยกว่า

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ระบุว่า ต้องการให้มีการอนุมัติกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจภายในสุดสัปดาห์นี้ เพื่อที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐที่มีคนตกงานแล้วถึง 3.6 ล้านราย นับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2551 ส่งผลให้อัตราว่างงานในประเทศอยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 2535 โดยแผนกระตุ้นเศรษฐกิจจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนได้มากที่สุดนับตั้งแต่มีการใช้ระบบทางหลวงข้ามรัฐเมื่อทศวรรษที่ 50

โรแกน เคิร์ช รองคณบดีของวากเนอร์ สคูล ออฟ พับลิค เซอร์วิสของมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก กล่าวว่า ไม่ว่าเงินช่วยเหลือจะตกถึงมือคนกลุ่มไหนก็จะมีส่วนช่วยพยุงกิจการของบริษัทเอกชนและชุมชนต่างๆจำนวนมาก

ฟอร์ด เจนเนอรัล มอเตอร์ส และไครสเลอร์ แอลแอลซี รวมทั้งบริษัทรถคู่แข่งในต่างประเทศที่ผลิตรถป้อนตลาดสหรัฐ จะได้รับเงินช่วยเหลือจากกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะช่วยให้กลุ่มผู้ซื้อรถยนต์สามารถจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้รถน้อยลงได้ รวมทั้งการหักภาษีการขายรถจากภาษีเงินได้

มาร์ค ฟีลด์ส ผู้บริหารของฟอร์ดในอเมริกาเหนือ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า การลดหย่อนภาษีเงินกู้ซื้อรถเป็นประโยชน์กับผู้ซื้อรถมาก จากรถราคา 25,000 ดอลลาร์ ลูกค้าจะสามารถลดหย่อนภาษีให้ได้ถึง 1,500 - 1,600 ดอลลาร์

เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ยอดขายรถในสหรัฐร่วงลงไป 37% ซึ่งถือเป็นสถิติที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2523 ขณะที่จีเอ็มและไครสเลอร์เองก็ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเพื่อเอาตัวรอดจากภาวะล้มละลาย



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ