จีนแซงหน้าสหรัฐครองบัลลังก์ตลาดรถยนต์รายใหญ่สุดในโลกเป็นครั้งแรก

ข่าวต่างประเทศ Tuesday February 10, 2009 16:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

จีนสามารถก้าวขึ้นแทนที่สหรัฐอเมริกาในฐานะตลาดยานยนต์ใหญ่สุดของโลกเป็นครั้งแรกในเดือนมกราคม 2552 เนื่องจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การลดราคาและค่าธรรมเนียม ตลอดจนมาตรการสนับสนุนของรัฐบาล ได้ช่วยกระตุ้นความต้องการที่ลดลงให้กระเตื้องขึ้น

สมาคมผู้ผลิตยานยนต์จีนรายงานว่า ยอดขายรถใหม่ในประเทศจีนมีอยู่ทั้งสิ้น 735,500 คันในเดือนที่ผ่านมา ร่วงลง 14% อย่างไรก็ตาม ยอดขายในประเทศจีนก็ยังมากกว่ายอดขายในสหรัฐอเมริกา ซึ่งทรุดลง 37% แตะ 656,693 คัน

ขณะที่ยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของจีนร่วงลง 7.8% แตะ 610,600 คันในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งที่ 5 ในรอบ 6 เดือน

ทั้งนี้ ในปีที่แล้ว ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐดิ่งลง 18% แตะ 13.2 ล้านคัน ขณะที่ยอดขายรถในจีนเพิ่มขึ้น 6.7% แตะ 9.38 ล้านคัน ส่วนยอดขายของจีนในปีนี้นั้น สมาคมผู้ผลิตยานยนต์จีนคาดว่าอาจโตขึ้น 5% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2541

ยอดขายรถของจีนทะยานขึ้น 5 เท่าในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอัตราที่สูงกว่า 10% สามารถช่วยให้ประชาชนในประเทศมีกำลังซื้อรถแบรนด์ต่างประเทศที่ผลิตโดยจีเอ็มและโฟล์คสวาเกน แต่ความต้องการปรับตัวลดลงอย่างมากในปีนี้เนื่องจากประชาชนตกงานเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ดี ดีมานด์รถยนต์ในประเทศจีนก็ยังสูงกว่าในสหรัฐ เนื่องจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน (5.85 แสนล้านดอลลาร์) ช่วยให้จีนรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่สหรัฐกำลังเผชิญอยู่มาได้ นอกจากนี้ มาตรการที่รัฐบาลจีนนำมาใช้เพื่อฟื้นฟูตลาดรถยนต์ในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าธรรมเนียมการใช้ถนน การลดภาษีรถขนาดเล็ก และลดราคาขายปลีกเชื้อเพลิง เป็นวิธีการที่ได้ผลและจะช่วยให้ยอดขายดีดตัวขึ้นในที่สุดตามมุมมองของนักวิเคราะห์

เยล จาง ผู้อำนวยการของซีเอสเอ็ม เอเชีย ในเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวทำให้จีนก้าวขึ้นเป็นตลาดรถที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ แต่ถึงกระนั้น จีนก็ไม่น่าจะทำยอดขายรถยนต์สูงกว่าสหรัฐได้ตลอดทั้งปี เนื่องจากสหรัฐมีตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่กว่าจีนมาก นอกจากนี้ เขายังกล่าวด้วยว่า ยอดขายที่มากกว่าไม่น่าจะทำให้จีนภาคภูมิใจนัก เพราะยอดขายรถส่วนใหญ่ในประเทศจีนเป็นรถยนต์แบรนด์ต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บรรดาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติพากันหั่นราคาเพื่อแข่งกันทำยอดขายท่ามกลางดีมานด์ที่ชะลอตัวลง บลูมเบิร์กรายงาน



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ