สกุลเงินดอลลาร์และเงินเยนแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สองในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราสิงคโปร์เช้านี้ (11 ก.พ.) จากกระแสคาดการณ์ที่ว่า มาตรการกอบกู้ภาคธนาคารของรัฐบาลสหรัฐจะไม่สามารถกระตุ้นตลาดสินเชื่อได้ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้กดดันให้นักลงทุนเข้าซื้อเงินดอลลาร์และเงินเยนเนื่องจากมองว่าสกุลเงินทั้งสองเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดความเสี่ยง
โดยเงินเยนมีแนวโน้มแข็งค่าเป็นวันที่สองเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์จากกระแสคาดการณ์ของนักลงทุนที่อาจเทขายสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงหลังจากที่นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐประกาศแผนช่วยเหลือภาคการเงินมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐแต่ไม่ได้แจกแจงรายละเอียดถึงวิธีการแก้ปัญหาหนี้เสียภาคธนาคารว่าจะดำเนินการอย่างไรบ้าง
ขณะเดียวกันเงินยูโรอ่อนค่าลงก่อนที่ทางการจะเปิดเผยตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมยุโรปที่คาดว่าจะลดลงหนักสุดในรอบเกือบ 23 ปี
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 09.28 น.ตามเวลาสิงคโปร์ เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะที่ 1.2863 ดอลลาร์/ยูโร ต่อเนื่องจากที่พุ่งขึ้น 0.7% เมื่อคืนนี้ ขณะที่เงินเยนไต่ระดับขึ้นสู่ 116.28 ยูโร/เยน หลังจากแข็งค่า 1.8% เป็นครั้งแรกในรอบ 4 วัน
ด้านเงินเยนเทรดที่ระดับ 90.38 ดอลลาร์/เยน จากระดับ 90.47 ดอลลาร์/เยน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าปริมาณการซื้อขายในวันนี้อาจเงียบเหงาเนื่องจากเป็นวันหยุดราชการในญี่ปุ่น
เงินเยนทะยานแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย โดยพุ่ง 3% แตะระดับ 59.13 ดอลลาร์ออสเตรเลีย/เยน และแข็งค่าขึ้น 3.1% แตะที่ 47.30 ดอลลาร์นิวซีแลนด์/เยน
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นอยู่ที่ระดับ 0.1% เมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยของออสเตรเลียที่ 3.25% และอัตราดอกเบี้ยของนิวซีแลนด์ที่ระดับ 3.50%
แดนิก้า แฮมป์ตัน นักวิเคราะห์จากแบงก์ ออฟ นิวซีแลนด์กล่าวว่า "มาตรการกอบกู้ภาคธนาคารของสหรัฐไม่สามารถเติมเต็มความหวังของนักลงทุนได้ในทันที ซึ่งภาวะเช่นนี้ทำให้นักลงทุนเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงด้วยการหันไปซื้อเงินเยนและเงินดอลลาร์ในระยะนี้แทน"