นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เผยขอรอดูสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกก่อนพิจารณาปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตครั้งที่ 2 จำนวนไม่เกินลิตร 1 บาท/ลิตร หลังจากรัฐบาลได้ปรับขึ้นภาษีสรรพามิตน้ำมันครั้งแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมาจำนวน 1.55 บาท/ลิตร โดยการปรับขึ้นครั้งใหม่จะดูช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้น้ำมันและสถานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
ปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะนำมาชดเชยการปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ โดยขณะนี้กองทุนน้ำมันฯ มีกระแสเงินสด 17,000 ล้านบาท และต้องแบกรับภาระจากการชดเชยการชะลอปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันวันละ 140 ล้านบาท
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานยังเตรียมนำเงินกองทุนน้ำมันฯ ไปชดเชยส่วนต่างราคานำเข้าก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) หลังจาก บมจ.ปตท.(PTT) แบกรับภาระชดเชยราคาก๊าซหุงต้มเต็มเพดานที่ระดับ 1 หมื่นล้านบาทแล้ว โดยจะเสนอเรื่องขออนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)ก่อนเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) พิจารณาอนุมัติต่อไปทันที
ราคาก๊าซหุงต้มในตลาดโลกได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 505 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากที่กระทรวงพลังงานได้เสนอต่อ กพช.ว่าราคามีแนวโน้มจะขึ้นไปถึง 510 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่ราคาขายปลีกในประเทศอยุ่ที่ประมาณ 330 เหรียญสหรัฐ/ตัน
รมว.พลังงาน กล่าวว่า ในปลายปีนี้จะจัดทำแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าระยะยาว(พีดีพี ) 15 ปี ใหม่อีกครั้งหลังคาดว่าเศรษฐกิจประเทศไทยอาจจะชะลอตัวเกินคาดการณ์เดิมที่จะขยายตัว 2% ส่งผลความต้องการใช้ไฟฟ้าลดต่ำลง โดยในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาปริมาณการใช้ไฟฟ้าลดลง 12%
สำหรับการจัดทำแผนพีดีพีที่ผ่านความเห็นชอบจาก กพช.เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมานั้นดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย เพราะมีการหารือกับสำนักงานอัยการสูงสุดแล้วว่า เมื่อแผนพีดีพีไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ก่อสร้างเป็นเพียงชะลอโครงการตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องจัดรับฟังความคิดเห็นตาม พ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงาน การกำหนดว่าอาจจะมีการสร้างโรงไฟฟ้าที่ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ก็เป็นเพียงการกำหนดคร่าวๆ ว่าควรจะมีโรงไฟฟ้าในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมที่หมดอายุ ประกอบกับเมื่อมีโรงแยกก๊าซธรรมชาติขนอมอยู่แล้วจะช่วยให้การใช้พลังงานเกิดประโยชน์สูงสุด