ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์เทียบสกุลเงินหลักๆ หลังวุฒิสภายอมรับแผนฟื้นศก.

ข่าวต่างประเทศ Thursday February 12, 2009 07:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร, เยน และปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ก.พ.) หลังจากสมาชิกวุฒิสภาบรรลุกข้อตกลงประนีประนอมมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.89 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงในเดือนธ.ค.

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 90.400 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 90.300 เยน/ดอลลาร์ และดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1589 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1569 ฟรังค์/ดอลลาร์

ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.2894 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.2897 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลงแตะระดับ 1.4382 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4512 ดอลลาร์/ปอนด์

ค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 0.5253 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5201 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และดอลลาร์ออสเตรเลียดีดตัวขึ้นแตะระดับ 0.6562 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.6523 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย

นักลงทุนเข้าซื้อสกุลเงินดอลลาร์อย่างคึกคัก หลังจากนายแฮร์รี รีด ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาสหรัฐเปิดเผยว่า สมาชิกวุฒิสภาบรรลุข้อตกลงประนีประนอมมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.89 แสนล้านดอลลาร์ โดยยอมประสานความแตกต่างระหว่างร่างกฏหมาย 2 ฉบับซึ่งได้ผ่านการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา โดยคาดว่าการลงมติต่อร่างกฏหมายกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับสุดท้ายอาจจะมีขึ้นอย่างเร็วในวันพฤหัสบดีนี้

ประธานาธิบดีบารัค โอบามาคาดหวังว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะสามารถกระตุ้นการจ้างงานได้ถึง 4 ล้านตำแหน่ง ซึ่งการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังจากตัวเลขจ้างงานประจำเดือนม.ค.ร่วงลง 598,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงหนักสุดในรอบ 35 ปี และอัตราว่างงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 7.6% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปี 2535

นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนธ.ค.หดตัวลง 4% เหลือเพียง 3.99 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี เนื่องจากวิกฤติการเงินโลกส่งผลให้การนำเข้าและส่งออกของสหรัฐลดลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน

ค่าเงินปอนด์ถูกกระหน่ำขายอย่างหนัก หลังจากนายเมอร์วิน คิง ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษยอมรับว่า เศรษฐกิจอังกฤษถดถอยถึงขั้นรุนแรงแล้ว จึงจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนปรนเข้ามาช่วยเยียว ซึ่งรวมถึงการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบและการลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก โดยธนาคารกลางอังกฤษคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะหดตัวลงในอัตรา 4% ต่อปีภายในไตรมาสแรก และเงินเฟ้อจะชะลอตัวสู่ระดับ 0.5% ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งต่ำกว่าระดับเป้าหมาย 2% ของรัฐบาล

คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางอังกฤษได้ตัดสินใจลดดอกเบี้ย 0.5% แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1% ในการประชุมเมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา และอาจใช้เงินกว่า 5 หมื่นล้านปอนด์ (7.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้เพื่อช่วยกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ