นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) ยืนยันว่า รัฐบาลไทยยังไม่ได้เซ็นสัญญาร่วมกับรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่อขอรับเงินกู้ในโครงการก่อสร้างรถไฟสายสีแดง แต่เป็นเพียงการยืนยันฝ่ายเดียวจากรัฐบาลญี่ปุ่นว่าจะให้การสนับสนุนเงินกู้ดังกล่าวแก่ไทย
ดังนั้น จึงเชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถตอบข้อชี้แจงของฝ่ายค้านที่จะยกเป็นประเด็นขึ้นถอดถอนนายกรัฐมนตรีว่าไปลงนามกับรัฐบาลญี่ปุ่นโดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรได้
อย่างไรก็ตาม คาดว่ารัฐบาลจะนำเรื่องขออนุมัติการลงนามกับรัฐบาลญี่ปุ่นในโครงการกู้เงินเพื่อก่อสร้างรถไฟสายสีแดงเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรภายในเดือนมี.ค.นี้ เพื่อให้ทันกับที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะปิดปีงบประมาณในสิ้นเดือนมี.ค.นี้เช่นกัน
"ไม่ได้ถือว่าเป็นการลงนาม เป็นแค่การยืนยันฝ่ายเดียวจากรัฐบาลญี่ปุ่น...จะต้องให้สภาฯ เห็นชอบก่อน น่าจะให้เสร็จในมี.ค.นี้" ผู้อำนวยการ สบน.กล่าว
สำหรับวงเงินที่ไทยขอกู้จากญี่ปุ่นเพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างรถไฟสายสีแดง(ช่วงบางซื่อ-รังสิต)เป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 80,000 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 1.4% ต่อปี ระยะเวลาปลอดหนี้ 7 ปี และมีกำหนดชำระคืนภายใน 25 ปี โดยวงเงินกู้ก้อนแรกที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะให้อยู่ที่ 24,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 63,000 ล้านเยน
อนึ่ง พรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รวมทั้งถอดถอนออกจากตำแหน่ง โดยระบุว่าการที่นายอภิสิทธิ์หารือกับรัฐบาลญี่ปุ่นและได้รับอนุมัติเงินกู้ 63,000 ล้านเยน เพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างรถไฟสายสีแดง ซึ่งเข้าข่ายกระทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ที่จะต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนเจรจาหรือลงนามในข้อตกลงระหว่างประเทศ