นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการหารือถึงการจัดทำงบประมาณประจำปี 53 เพื่อเตรียมนำเสนอที่ประชุม ครม.พิจารณาในสัปดาห์หน้า โดยจะยังคงจัดทำงบประมาณแบบขาดดุล เพื่อใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยวงเงินงบประมาณรายจ่ายอาจไม่แตกต่างจากปีงบประมาณปี 52 มากนัก แต่คงไม่เพียงพอ จึงอาจต้องกู้ยืมเงินนอกงบประมาณมาดำเนินการด้วย
ทั้งนี้ รัฐบาลมั่นใจว่าการจัดทำงบประมาณประจำปี 53 จะแล้วเสร็จทันตามกำหนดเริ่มใช้ได้ในเดือน ต.ค.52 เพราะยังมีเวลาถึง 8 เดือน ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ที่ออกมาจะเน้นการสร้างงานเป็นหลัก
"จะขาดดุลงบประมาณไปอีกกี่ปีนั้น ไม่สามารถตอบได้ แต่กระบวนการต่างๆ ต้องเป็นไปตามข้อกฎหมาย ซึ่งเกินเพดานไม่ได้ โดยในวันนี้จะมีการหารือกัน เพื่อนำเข้าที่ประชุม ครม.สัปดาห์หน้า" นายกอร์ปศักดิ์ กล่าว
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจัดตั้งวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ(ซอฟท์โลน)สำหรับผู้ประกอบการว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นคาดว่าจะมีวงเงินประมาณ 60,00-80,000 ล้านบาท ดำเนินการโดยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(เอสเอ็มอีแบงก์)และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.)โดยจะเน้นช่วยเหลือผู้ประกอบการส่งออก และท่องเที่ยว
สำหรับโครงการช่วยเหลือผู้ประกันตนที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท/เดือนที่รัฐบาลจะจ่ายเงินให้ 2,000 บาทนั้น ในการประชุมครม.เศรษฐกิจวานนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้พิจารณานำการใช้คูปองมาใช้แทนเงินสด หลังการจัดทำงบกลางปีผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร แต่ก็มีข้อสรุปว่าจะทำในรูปแบบการสั่งจ่ายเป็นเช็คเงินสดส่งถึงบ้านผู้ได้รับสิทธิ์ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวมากกว่าการโอนเงินเข้าบัญชีหรือจ่ายเป็นเงินสด ขณะที่การจ่ายเป็นคูปองอาจเกิดการปลอมแปลง ส่วนการโอนเข้าบัญชี เกรงว่าประชาชนจะไม่ถอนเงินมาใช้จ่าย
“ผู้ประกันตนที่ได้รับสิทธิ์ 9 ล้านคน จะได้รับเป็นเช็ค เพราะคล่องตัวมากกว่า และเชื่อว่าสามารถทำให้เกิดการใช้จ่ายจริง โดยรัฐบาลจะมีค่าใช้จ่ายในการออกเช็ค ประมาณ 40 ล้านบาท โดยคาดว่าจะแจกจ่ายให้กับประชาชน ตั้งแต่ 26 มี.ค.นี้ การส่งเช็คจะใช้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ และยังมีแนวคิดหารือกับผู้ประกอบการร้านค้ารายใหญ่ ขอส่วนลด 10% หากใช้เช็คดังกล่าวมาซื้อสินค้า" นายกอร์ปศักดิ์ กล่าว