นักวิชการแนะรัฐเร่งกระตุ้นท่องเที่ยว-ส่งออกเพิ่มแรงเหวี่ยงศก.ฟื้นทันQ3

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday February 12, 2009 14:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มองว่า แนวทางที่รัฐบาลจะผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศขณะนี้ คือ การกระตุ้นภาคการส่งออกไม่ให้ทรุดตัวลงไปกว่านี้ รวมถึงกระตุ้นการท่องเที่ยวให้ฟื้นกลับมาดีเหมือนเดิม และรัฐบาลควรจะเร่งทำให้เห็นผลได้ตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปีนี้ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 เป็นต้นไป

"ขณะนี้การท่องเที่ยวจะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญได้ และต้องทำให้การส่งออกไม่ทรุดตัวไปมากกว่านี้ ถ้าทำการตลาดดีๆ การท่องเที่ยวจะกลับมาฟื้นได้ตั้งแต่ไตรมาส 2 และอาจจะมีแรงเหวี่ยงที่ช่วยให้เศรษฐกิจไทยกลับมาเริ่มดีขึ้นได้ตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป" นายธนวรรธน์ ระบุ

ทั้งนี้เห็นว่าการที่รัฐบาลอนุมัติงบประมาณสำหรับฟื้นฟูและกระตุ้นการท่องเที่ยวเพียง 1,000 ล้านบาท เพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวแก่ทั้งชาวไทยและต่างชาติอาจเป็นงบประมาณที่น้อยเกินไป เพราะอาจช่วยเพิ่มรายได้การท่องเที่ยวเพียง 15,000 ล้านบาทเท่านั้น คือจากระดับ 490,000 ล้านบาท เป็น 505,000 ล้านบาท ดังนั้นจำนวนงบประมาณที่เหมาะสมซึ่งจะนำมาช่วยฟื้นฟูและกระตุ้นการท่องเที่ยวของไทยน่าจะอยู่ในระดับ 5,000 ล้านบาท

ส่วนที่รัฐบาลอนุมัติเพิ่มทุนให้แก่ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการได้มากขึ้นนั้น เป็นแนวทางที่ดีที่จะช่วยเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจได้เพิ่มขึ้นและมีต้นทุนการทำธุรกิจที่ไม่สูง ขณะเดียวกันรัฐบาลจะต้องรักษาระดับเสถียรภาพของค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าไปกว่าประเทศคู่แข่งขันของไทยในภูมิภาคเดียวกันด้วย

"การทำให้เงินบาทอ่อนค่ากว่าคู่แข่งได้ระดับหนึ่งจะเป็นเรื่องที่ดี แม้ขณะนี้กำลังซื้อของปลายประเทศจะลดลง แต่เรื่องราคาก็ถือเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจ โดยเฉพาะประเทศคู่แข่งของไทย คือ เวียดนาม และอินโดนีเซีย" นายธนวรรธน์ กล่าว

ด้านนายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ขณะนี้ค่าเงินบาทของไทยถือว่าอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับค่าเงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาคยกเว้นอินโดนีเซียที่อ่อนค่าไปมากกว่า ซึ่งหากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) สามารถดูแลค่าเงินให้อยู่ในระดับที่ไม่แข็งค่ากว่าประเทศอื่นในภูมิภาค นอกจากจะส่งผลดีต่อภาคการส่งออกของไทยแล้ว ยังเอื้อประโยชน์ต่อภาคการท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน

"ตอนนี้ค่าเงินเราก็ใกล้เคียงกับประเทศอื่นในภูมิภาค แต่ยังห่างจากอินโดฯ...อัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าไม่ได้ช่วยแค่ส่งออก แต่ช่วยเรื่องการท่องเที่ยวด้วย เพราะจะทำให้ต่างชาติเห็นว่ามาเที่ยวเมืองไทยแล้วคุ้มค่า เราไม่ได้ขอให้อ่อนไปเท่าอินโดฯ แต่ขอไม่ให้แข็งค่ากว่าคนอื่น เพราะไม่เช่นนั้นจะดูว่าของในบ้านเราแพงขึ้น ถ้าเมื่อไหร่ที่ดูแล้วว่าเริ่มจะผิดปกติเราก็จะไปเจรจากับแบงก์ชาติ" นายพงษ์ศักดิ์ ระบุ

ขณะที่นายดุสิต นนทนาคร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยจะติดตามการส่งออกของไทยอย่างใกล้ชิด และเริ่มเห็นว่าแนวโน้มการส่งออกจะเริ่มดีขึ้น เพราะดูได้จากที่รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารประเทศ พบว่าการส่งออกเริ่มติดลบน้อยลงเนื่องจากลูกค้าในต่างประเทศเริ่มให้ความเชื่อมั่นหลังจากที่สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคลี่คลายลงในระดับหนึ่ง

ขณะที่กลุ่มหอการค้าต่างประเทศเชื่อว่า ถ้าสถานการณ์ทางการเมืองนิ่งและไม่มีปัจจัยใดเข้ามาบั่นทอนเสถียรภาพรัฐบาล ก็เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น การส่งออกในเดือนถัดไปอาจจะไม่ติดลบ พร้อมเชื่อว่าหลังจากการประชุมอาเซียนซัมมิทแล้วภาพความเชื่อมั่นของประเทศไทยจะสูงขึ้น การส่งออกจะพลิกฟื้นกลับมาเป็นบวกและช่วยหนุนให้เศรษฐกิจไทยกลับมาเติบโตเป็นบวกได้เช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ