นิสสัน มอเตอร์ ซึ่งเผชิญกับภาวะขาดทุนเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีนั้น อาจจะขาดทุนมากกว่าเดิมแม้ว่าบริษัทมีแผนลดพนักงานลง 20,000 คน ปรับเปลี่ยนแหล่งการผลิต และลดการจ่ายเงินปันผล รวมทั้งแต่งตั้งผู้บริหารมาดูแลการแก้วิกฤตโดยเฉพาะแล้วก็ตาม
นักวิเคราะห์ที่บลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็นคาดว่า บริษัทรถรายใหญ่ของญี่ปุ่นอาจจะขาดทุนถึง 3.10 แสนล้านเยน หรือ 3.4 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2552 แม้ว่าบริษัทจะคาดการณ์ก่อนหน้านี้ไว้ว่า จะขาดทุน 2.65 แสนล้านเยนในปีงบประมาณการเงิน 2551
คาร์ลอส โกเซน ซีอีโอของนิสสัสน วางแผนที่จะลงต้นทุนด้านแรงงานในประเทศที่มีค่าแรงสูง รวมทั้งลดการใช้จ่ายด้านเงินทุนลงโดยรวม 18% ในปีหน้า ส่วนยอดขายของบริษัทก็ร่วงลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมาดีมานด์รถของนิสสันในสหรัฐและญี่ปุ่นร่วงลงไปถึง 31%
พอล ฮีทตัน เจ้าหน้าที่ของไพร์ฟอร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า หากยอดขายร่วงลง 30% ก็จำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายลง 30% การดำเนินการต่างๆเพื่อลดค่าใช้จ่ายของนิสสันนั้นดูเหมือนว่าจะยังไม่เพียงพอ
เฟรด สแตนดิช โฆษกนิสสันเปิดเผยว่า บริษัทกำลังประเมินเรื่องข้อตกลงในการแบ่งปันรถ 2 ใน 3 กับบริษัทไครสเลอร์ แอลแอลซี โดยนิสสันเห็นชอบเรื่องการส่งรถขนาดเล็กเพื่อขายให้ละติน อเมริกาให้กับไครสเลอร์ รวมทั้งรถคอมแพคให้กับตลาดสหรัฐ และเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ไครสเลอร์ก็จะป้อนรถปิ๊คอัพขนาดใหญ่ให้กับนิสสัน ซึ่งข้อตกลงทั้ง 2 เรื่องกำลังอยู่ในระหว่างการทบทวนอีกครั้ง
ทั้งนี้ นิสสัน และบริษัทรถของญี่ปุ่นรายอื่นๆก็ต้องเผชิญกับปัญหาเงินเยนที่แข็งค่า ส่งผลให้รายได้ของบริษัทในต่างประเทศลดลง โดยเงินเยนพุ่ง 19% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ และแข็งค่าถึง 34% เมื่อเทียบกับเงินยูโรในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา