เคร็ก เจมส์ นักวิเคราะห์จากคอมมอนเวลธ์ แบงก์ ออฟ ออสเตรเลียเชื่อมั่นว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออสเตรเลียมูลค่า 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลียจะช่วยพยุงเศรษฐกิจให้รอดพ้นจากการเผชิญภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2534
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาในวันนี้ประกอบด้วยแผนกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภค และการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเช่น โรงเรียน ถนนหนทาง และโรงพยาบาล ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะเริ่มส่งผลต่อเศรษฐกิจในเดือนหน้า และในช่วงต้นเดือนเม.ย.หลายครัวเรือนจะได้รับเช็คเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ซึ่งเม็ดเงินดังกล่าวจะมีจำนวนมากพอที่จะสร้างความอุ่นใจได้ว่าตัวเลขผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะไม่หดตัวลงต่อเนื่อง 2 ไตรมาส
ขณะเดียวกัน กระทรวงคลังสหรัฐคาดว่า แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของนายหรัฐมนตรีเควิน รัดด์ ของออสเตรเลียจะช่วยให้นำพาประเทศให้รอดพ้นจากหายนะทางเศรษฐกิจด้วยการสร้างงานใหม่ 90,000 ตำแหน่ง และช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภคมากขึ้น โดยเกือบ 1 ใน 3 ของเงินก้อนนี้จะถูกส่งถึงมือประชาชนรายได้น้อย-ปานกลางคนละประมาณ 900 ดอลลาร์ออสเตรเลีย
"มาตรการนี้จะช่วยให้มีการใช้จ่ายภายในระยะเวลาสั้นๆและจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้คึกคักมากขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยให้ประชาชนได้รับเงินมากขึ้นเท่านั้น แต่จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมอีกด้วย"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 12.54 น.ตามเวลาในประเทศไทย ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.7% แตะที่ 3539.10 จุด ซึ่งนำโดยหุ้นกลุ่มค้าปลีก ก่อสร้างและธนาคาร โดยหุ้นเดวิด โจนส์ไต่ระดับขึ้น 3.5% และหุ้น ANZ Bank ปิดถีบตัวขึ้น 7.2%
ทั้งนี้ หลายประเทศทั่วโลกกำลังใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากวิกฤตสินเชื่อทั่วโลกที่อุบัติขึ้นเมื่อปีที่แล้วได้สร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศทางการค้าและส่งผลให้อัตราว่างงานพุ่งสูงขึ้น