นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คาดว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1/52 จะติดลบต่อเนื่องในระดับที่ใกล้เคียงกับปลายปีก่อนที่อาจจะหดตัวในระดับ 3% ในช่วงไตรมาส 4/51 แต่เศรษฐกิจจะค่อย ๆ ติดลบน้อยลงตั้งแต่ไตรมาส 2/52 ซึ่งจะส่งผลทำให้ช่วงครึ่งปีแรกเศรษฐกิจคงติดลบน้อยกว่า 3%
อย่างไรก็ตาม จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้ประกาศออกไป โดยเฉพาะการเพิ่มงบประมาณกลางปี 52 อีก 1.16 แสนล้านบาท จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 52 ฟื้นตัวขึ้นมาขยายตัวเป็นบวกได้
"ผมเข้าใจว่าตัวเลขไตรมาสสุดท้ายปีที่แล้ว จะติดลบ 3% ส่วนไตรมาส 1 ปีนี้ ไม่น่าจะแตกต่างกัน และหวังว่าตัวเลขน่าจะติดลบน้อยกว่านี้ในครึ่งปีแรก และครึ่งปีหลังน่าจะเป็นบวกได้"นายอภิสิทธิ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังเดินทางไปร่วมงานครบรอบ 59 ปีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์)
นายกรัฐมนตรี คาดว่า รัฐบาลจะสามารถจ่ายเงินช่วยเหลือค่าครองชีพ 2,000 บาทสำหรับผู้มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทในช่วง 1-2 เดือนจากนี้ หลังมีเม็ดเงินถึงมือประชาชนก็จะเห็นความแตกต่างถึงความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมหารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาข้อสรุปแนวทางและวิธีการจ่ายเงินดังกล่าว
พร้อมกันนั้น นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่ามาตรการการจ่ายเงินค่าครองชีพครั้งนี้ ได้วิเคราะห์บนพื้นฐานของความเป็นจริงที่รัฐบาลวางเป้าไปที่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่งหวังว่าเมื่อประชาชนได้รับเงินช่วยค่าครองชีพแล้วจะมีการใช้จ่ายเงินจริง และในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงเมื่อเช้านี้ ก็ได้กำชับให้ทุกกระทรวงนำแนวนโยบายของรัฐบาล ทั้งโครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.)เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เรียนฟรี 15 ปี หรือเงินช่วยค่าครองชีพผู้มีรายได้น้อย ให้เดินหน้าความพร้อมอย่างเต็มที่
สำหรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ คาดว่า สิ้นเดือน ก.พ.-กลาง มี.ค. น่าจะมีข้อสรุปถึงยอดการช่วยเหลือผู้สูงอายุได้ หลังจากนั้นในเดือน เม.ย. คาดว่าจะสามารถจ่ายเงินช่วยเหลือต่อไปได้