นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่สุดของโลก จะลดปริมาณการผลิตลง 54% ในไตรมาสแรกปีนี้ เนื่องจากดีมานด์ในสหรัฐและญี่ปุ่นทรุดตัวลง โดยคาดว่าผลผลิตรถยนต์ของโตโยต้าซึ่งไม่นับรวมรถยนต์จากบริษัทในเครือคือ ไดฮัทสุ มอเตอร์ และฮีโน่ มอเตอร์ส จะร่วงลงเหลือเพียง 519,000 คันในไตรมาสแรก เทียบกับปีที่แล้วที่ผลิตได้ 1.13 ล้านคัน
อย่างไรก็ตาม นายพอล โนลาสโค โฆษกโตโยต้าปฏิเสธที่จะยืนยันตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าว
โคจิ เอนโดะ นักวิเคราะห์ด้านอุตสาหกรรมรถยนต์จากเครดิต สวิส กล่าวว่า ตลาดรถยนต์สหรัฐที่ตกต่ำมาที่สุดในรอบ 28 ปี กำลังบีบให้โตโยต้าลดการผลิตรถยนต์ หลังจากที่ได้ปรับลดการภายในประเทศไปแล้ว 23% ในช่วงไตรมาส 3 ปีที่แล้ว นอกจากนี้ โตโยต้าคาดว่าบริษัทอาจขาดทุนเป็นวงเงินรวม 4.50 แสนล้านเยน หรือ 4.9 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 3 ในรอบไม่ถึง 2 เดือนที่บริษัทออกมาเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ขาดทุน
"โตโยต้าอยากระบายสินค้าคงคลังให้หมดภายในเดือนเม.ย. แต่เนื่องจากดีมานด์ทรุดตัวลงมาก จึงอาจทำให้โตโยต้าต้องใช้เวลาในการระบายสินค้าในสต็อกไปจนถึงเดือนพ.ค. และการที่โตโยต้าลดการผลิตรถยนต์เหลือเพียงครึ่งเดียวนั้น ก็ไม่คุ้มกับการลงทุนและไม่ได้ทำให้บริษัทได้กำไรได้" เคนโดะกล่าว สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน