(เพิ่มเติม) ครม.พรุ่งนี้พิจารณากรอบงบปี 53 วงเงิน 1.9 ล้านลบ.ขาดดุล 4 แสนลบ.

ข่าวเศรษฐกิจ Monday February 16, 2009 11:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกอร์ปศักด์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันพรุ่งนี้(17 ก.พ.) จะมีการพิจารณาอนุมัติกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 53 โดยคาดว่าจะเป็นวงเงินงบประมาณรายจ่าย 1.9 ล้านล้านบาท จัดทำเป็นงบขาดดุล 4 แสนล้านบาท ซึ่งยังอยู่ในกรอบการรักษาวินัยการคลังที่สามารถขาดดุลได้ไม่เกินเพดานที่กำหนดไว้ 4.3 แสนล้านบาท

"การขาดดุล เรามีหลักว่าเราจะไม่ทำแบบสหรัฐฯ ที่ไม่สนใจว่าจะขาดดุลเท่าไหร่ เขาทุ่มเงินเต็มที่เพราะปัญหาหนักกว่าเราเยอะ แต่เราต้องรักษาวินัยการคลัง เพราะมีเพดานอยู่ 4.3 แสนล้านบาท แต่เราจะไม่ทำเกิน"รองนายกฯ กล่าวในรายการวิทยุเช้านี้

นายกอร์ปศักดิ์ ยอมรับว่า การตั้งงบประมาณขาดดุลไว้ที่ 4 แสนล้านบาทอาจจะไม่เพียงพอ แต่กฎหมายเปิดช่องให้รัฐบาลสามารถขอกู้เงินจากต่างประเทศได้ ซึ่งรัฐบาลเตรียมจะเสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเพื่อขออนุมัติกรอบเจรจาการกู้เงินจากต่างประเทศไว้ด้วยอีกทางหนึ่ง

สำหรับแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายในปี 53 นั้น รัฐบาลกำลังพิจารณาจากการเบิกจ่ายงบประมาณในปี 52 ของแต่ละส่วนราชการ ซึ่งหากพบว่าไม่สามารถใช้จ่ายงบประมาณได้ตามที่ขอจัดสรรไว้ ก็จะไม่ให้งบประมาณเพิ่มในปี 53 เพื่อผบักดันให้ใช้งบประมาณที่มีอยู่เดิมให้หมดก่อน และจากนั้นรัฐบาลจึงจะจัดสรรเพิ่มให้ใหม่ตั้งแต่งบประมาณปี 54 เป็นต้นไป

"เราอยู่ระหว่างการพิจารณางบประมาณเหล่านี้ ถ้ายังไม่ได้ใช้ เราก็จะไม่ให้งบเพิ่ม เพื่อจะได้เคลียร์ให้เรียบร้อย เราจะไม่เอาของใหม่ไปให้ เพราะของเก่ายังไม่มีความสามารถที่จะใช้ให้หมดได้ ก็ให้ล้างท่อเดิมให้สะอาด แล้วงบปี 54 ก็ค่อยได้เต็ม ๆ"รองนายกรัฐมนตรี ระบุ

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า กรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 53 ที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันพรุ่งนี้จะเป็นงบประมาณแบบขาดดุลต่อเนื่องจากงบประมาณปี 52 โดยประมาณการจัดเก็บรายได้นั้นจะพิจารณาจากฐานการจัดเก็บรายได้จริงในปีงบประมาณ 52

ทั้งนี้ คาดว่าประมาณการรายได้ในปีงบประมาณ 53 จะอยู่ต่ำกว่าประมาณการเดิมในปีงบประมาณ 52 ที่ตั้งไว้ที่ 1.58 ล้านล้านบาท ดังนั้นการพิจารณาจัดทำงบประมาณปี 53 จะต้องพิจารณาอย่างสมเหตุสมผล

พร้อมกันนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลและกระทรวงการคลังจะต้องมีความระมัดระวังในการจัดทำแนวโน้มการจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 53 หลังจากในปีงบประมาณ 52 มีความชัดเจนว่ารัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย

รมว.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลจะประเมินผลจากการที่รัฐบาลจัดทำงบประมาณกลางปี 52 เพิ่มเติมว่ามีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใด เพื่อที่รัฐบาลจะได้กำหนดมาตรการต่อไป นอกจากนี้ จะได้ประเมินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศูค่ค้าที่มีผลต่อเศรษฐกิจของไทย เพื่อทั้งหมดนี้รัฐบาลจะได้กำหนดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี รวมถึงประเมินอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 53 ด้วย

นายกรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลอาจมีความจำเป็นจะต้องกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในช่วง 2 ปีจากนี้ คิดเป็นวงเงินเกือบ 1 ล้านล้านบาท เพราะถือเป็นความจำเป็นที่รัฐบาลต้องรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยมองว่าเสถียรภาพการเงินและการคลังของไทยยังมีความเข้มแข็งรองรับการกู้เงินจำนวนดังกล่าวได้

ขณะที่รัฐบาลยังมีทางเลือกที่จำกัดในการกระต้นเศรษฐกิจ คือ การใช้วิธีกู้ยืมเงินหรือการขึ้นอัตราภาษี ซึ่งท้ายสุดการกู้ยืมถือว่ามีความเหมาะสมต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในขณะนี้มากกว่า เพราะไม่เป็นการเพิ่มภาระให้แก่ประชาชน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ