ราคากาแฟที่ดีดตัวขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีการคาดการณ์กันมาก่อนเพราะอุปทานที่ลดลงนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อบริษัทผู้จำหน่ายเครื่องดื่มกาแฟรายใหญ่อย่างสตาร์บัคส์ คราฟท์ ฟูดส์ และกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ หลังจากที่สมาคมกาแฟสากลคาดการณ์ว่า ความต้องการกาแฟอาจจะสูงกว่าผลผลิตถึง 8 ล้านถุงสำหรับกาแฟขนาดถุง 60 กิโลกรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงเกือบเท่ากับปริมาณการบริโภคกาแฟในเยอรมนีทั้งหมด ขณะที่สต็อคกาแฟเพื่อการส่งออกอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2498
สัญญากาแฟอาราบิก้าที่มีการซื้อขายในตลาดนิวยอร์กอาจจะพุ่งขึ้น 25% ปีนี้ หลังจากที่ราคาร่วงลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2544 เนื่องจากผลผลิตกาแฟในบราซิลและโคลัมเบียหดตัวลง
แซนดรา บาคโอเฟอร์ ผู้บริหารเงินทุน 1.2 พันล้านดอลลาร์ให้กับ Zug กล่าวว่า ราคากาแฟปีนี้คงจะสูงขึ้น และคาดว่าจะเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีอนาคตดีที่สุดในปีนี้
ราคากาแฟที่สูงขึ้นนี้อาจจะทำให้ต้นทุนของสตาร์บัคส์และคราฟท์ ขณะที่ผู้ปลูกกาแฟในเวียดนามและบราซิลจะสามารถกวาดรายได้มากจากการส่งออก
ขณะที่ฟอร์ทิส แบงค์ คาดว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจจะทำให้ความต้องการลดลงและราคาเคลื่อบไหวในช่วงแคบๆ โดยราคากาแฟในตลาดกาแฟลอนดอนปรับตัวขึ้น 2.6% แล้วในปีนี้
จูดิธ เกนส์-เชส อดีตนักวิเคราะห์ของเมอร์ริล ลินช์ ที่ปัจจุบันเป็นเจ้าของบริษัทที่ปรึกษา มองว่า ราคากาแฟอาจจะปรับตัวสูงขึ้นถึง 52% มาอยู่ที่ 1.70 ดอลลาร์ภายในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ส่วนมอร์แกน สแตนลีย์ คาดว่า ราคากาแฟจะปรับตัวขึ้นโดยเฉลี่ยที่ 1.41 ดอลลาร์ ในปีงบประมาณที่จะเริ่มต้นในวันที่ 1 ต.ค. ส่วนโกลด์แมน แซคส์ คาดว่า ราคาจะอยู่ที่ 1.40 ดอลลาร์ในช่วง 12 เดือนข้างหน้านี้
สตาร์บัคส์ คาดว่า ต้นทุนกาแฟที่สูงขึ้นในปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนก.ย.จะส่งผลกระทบต่อกำไร และต้นทุนของยอดขายในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 2.9% จากระดับปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากค่าใช้จ่ายในเรื่องกาแฟที่สูงขึ้น บลูมเบิร์กรายงาน