(เพิ่มเติม) ครม.อนุมัติกรอบงบรายจ่ายปี 53 ที่ 1.9 ล้านลบ.ขาดดุล 3.9 แสนลบ.

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 17, 2009 15:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบัณฑูร สุภัควณิช ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติกรอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2553 วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท เป็นงบประมาณแบบขาดดุลที่ 3.9 แสนล้านบาท และประมาณการงบประมาณรายรับไว้ที่ 1.51 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ การจัดทำงบประมาณดังกล่าวอยู่ภายใต้คาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ 3% ต่อปี และอัตราเงินเฟ้อที่ 2% ต่อปี โดยในงบประมาณรายจ่ายดังกล่าว แยกสัดส่วนเป็นงบรายจ่ายประจำ 76.7% งบลงทุน 20% และวงเงินชดเชยเงินกู้อีก 3.3%

สำหรับยุทธศาสตร์ภายใต้การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 53 ประกอบด้วย 8 ยุทธศาสตร์ และ 1 รายการ คือ 1.ยุทธศาสตร์การสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ, 2.ยุทธศาสตร์การรักษาความมั่นคงของรัฐ, 3.ยุทธศาสตร์การพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิต

4.ยุทธการบริหารจัดการเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ, 5.ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, 6.ยุทธศาสตร์การพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัย และนวัตกรรม, 7.ยุทธศาสตร์การต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ, 8.ยุทธศาสตร์การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และ รายการค่าดำเนินการภาครัฐ

นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 53 จะมีวงเงินใกล้เคียงกับงบประมาณรายจ่ายประจำปี 52 โดยในงบประมาณปี 52 ได้มีการเพิ่มเติมงบกลางปีอีกราว 1.16 แสนล้านบาท ซึ่งการจัดทำงบประมาณในปี 53 ที่มียอดขาดดุล 3.9 แสนล้านบาทนั้น อยู่ภายใต้เพดานการขาดดุลที่ไม่เกิน 4.3 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะอยู่ที่ 45% ของ GDP

ทั้งนี้ ยอมรับว่า งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมกลางปีงบ 52 เพื่อนำมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 1.16 แสนล้านบาทที่ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไปก่อนหน้านี้อาจจะไม่เพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว แต่เชื่อว่าในระยะสั้นนี้จะช่วยทำให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไม่ถดถอย และเป็นการช่วยพยุงสถานการณ์ไว้ได้อย่างน้อย 3-4 เดือน

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยคาดว่าจะใช้เวลาอีกราว 45 วันถึงจะแล้วเสร็จ ซึ่งการจัดทำมาตรการกระตุ้นรอบใหม่นี้มีเป้าหมาย คือ การจัดสรรงบประมาณในสัดส่วนที่เทียบเท่ากันระหว่างการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจและปัญหาด้านสังคม โดยเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาการเลิกจ้างและการว่างงาน ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบที่แล้ว มีสัดส่วนการใช้งบประมาณเพื่อแก้ปัญหาด้านสังคม 77% และปัญหาด้านเศรษฐกิจ 23%

ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า การจัดทำงบประมาณรายจ่ายในปี 53 จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก เนื่องจากคาดว่าจะมีการจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ถึง 1 แสนล้านบาท แต่ทั้งนี้รัฐบาลยังเชื่อมั่นว่างบประมาณดังกล่าวจะเพียงพอในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไว้ได้

ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่ออกมาก่อนหน้านี้ คงต้องรอติดตามผลในอีก 3-6 เดือนข้างหน้า รวมถึงติดตามผลจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้น่าจะเห็นความชัดเจนจากการออกมาตรการดังกล่าวได้ราวกลางปีนี้

รมว.คลัง กล่าวถึงวงเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจำนวน 2.7 แสนล้านบาท แบ่งเป็นการกู้ในประเทศ 2 แสนล้านบาท และกู้ต่างประเทศอีก 7 หมื่นล้านบาทนั้น คาดว่ารัฐบาลจะเสนอขอความเห็นชอบจากรัฐสภาเร็วๆ นี้ในส่วนของการกู้จากต่างประเทศ 7 หมื่นล้านบาท รวมถึงการเสนอขอความเห็นชอบจากรัฐสภาต่อแผนการกู้เงินจากต่างประเทศเพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้งสายสีแดง, สายสีม่วง และสายสีน้ำเงินด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 50 ที่กำหนดว่าก่อนการทำหนังสือสัญญากับต่างประเทศที่จะมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศ จำเป็นต้องให้คณะรัฐมนตรีเสนอกรอบการเจรจาต่อรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ