นางสาวนวพร มหารักขกะ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)คาดว่า สินเชื่อโดยรวมของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบน่าจะเติบโตต่ำกว่าปี 51 ที่ขยายตัว 11.4% เนื่องจากฐานในปี 50 อยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับต้นปีก่อนราคาสินค้าสูงทำให้ความต้องการใช้สินเชื่อหมุนเวียนสูงขึ้นด้วย แต่ปีนี้ราคาสินค้าไม่สูงมาก ดังนั้นความต้องการสินเชื่ออาจจะมีน้อย
อย่างไรก็ตาม คาดว่าสินเชื่ออาจจะซบเซาอย่างมากในช่วงต้นปี ก่อนจะเริ่มฟื้นตัว(bottom out)ได้ในช่วงไตรมาส 3 ถึงไตรมาส 4 ของปีนี้ และจะเร่งตัวดีขึ้นมากในช่วงต้นปี 53
นางสาวนวพร กล่าวว่า แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะแกว่งตัวอย่างไร ธนาคารของไทยสามารถรองรับผลกระทบจากข้างนอกได้ พิสูจน์ได้จาก 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเศรษฐกิจโลกแย่มาก แต่ธนาคารพาณิชย์ไทยยังทำกำไรได้ดี โดยปีที่แล้วธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งระบบมีกำไร 9.9 หมื่นล้านบาท และขณะนี้มีการบริหารความเสี่ยงที่ดีและมีการติดตามลูกหนี้ที่มีประสิทธิภาพ
สำหรับสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปีนี้อาจจะเร่งตัวขึ้น เพราะยอดขายขอองภาคธุรกิจซบเซาลงเมื่อเทียบกับปีก่อน การใช้จ่ายในประเทศชะลอลง ขณะที่ต่างประเทศหดตัว แต่ขึ้นกับธนาคารแต่ละแห่งว่าจะดูแลตัวเองได้แค่ไหน ซึ่งที่ผ่านมาก็ดูแลดีและมีการติดตามลูกหนี้เพื่อให้ใช้สินเชื่อตรงตามวัตถุประสงค์ รวมถึงเข้าไปแก้ไขปัญหาตั้งแต่หนี้คงค้าง 1 เดือนก่อนเป็น NPL
แต่ปีนี้มองว่าต้นทุนของผู้ประกอบการทั้งด้านรายจ่ายค่าน้ำมัน ดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลง ราคาสินค้าทั่วไปก็ลดลงด้วย จะเป็นปัจจัยบวกต่อภาคธุรกิจ ดังนั้น คาดว่าภาคธุรกิจจะประคับประคองตัวต่อไปได้ น่าจะยังมีความสามารรถในการชำระหนี้ได้
ณ สิ้นปี 51 ทั้งระบบมี net NPL 2.9% แต่ gross NPL 5.3% ยอดคงค้างอยู่ที่ 3.97 แสนล้านบาทลดลง 5.6 หมื่นล้านบาทจากปี 50 ขณะที่ทั้งระบบมีการกันสำรองหนี้ 120%