นายพุทธิพงศ์ ปุณณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการปิดท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง ในกรอบวงเงิน 245.5 ล้านบาท
แบ่งเป็นงบกลาง ในรายการเงินสำรองรายจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นประจำปีงบประมาณ 2552 วงเงิน 122.75 ล้านบาท โดยรัฐบาลต้องจัดสรรอุดหนุนให้ธนาคารเพื่อพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.) วงเงิน 107.5 ล้านบาท, บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.) วงเงิน 11.25 ล้านบาท และอีก 4 ล้านบาท ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานำไปช่วยเหลือแก้ปัญหาให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยตรง
ทั้งนี้ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณที่เหลือจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 52 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามวงเงิน 1,912 ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรีได้พิจาณาอนุมัติไปเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.51 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบวิกฤติการท่องเที่ยว
นางศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า แผนจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยว 4 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มภัตตาคาร, โรงแรมระดับ 4 ดาวลงไป, การขนส่ง และบริษัททัวร์ ด้วยการอนุมัติเงินชดเชยภาระดอกเบี้ยเงินกู้ 2% ให้ผู้ประกอบการ SMEs เป็นเงินชดเชยทั้งสิ้น 107 ล้านบาท ระยะเวลา 2 ปี และให้เฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดสนามบินเท่านั้น โดยให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.) เป็นผู้ค้ำประกันความเสี่ยงของสินเชื่อ
"นายกรัฐมนตรี ยังได้สั่งการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นผู้คัดกรองกลุ่มผู้ประกอบการที่รัฐบาลจะให้การชดเชยภาระดอกเบี้ย"
นางศศิธารา กล่าวด้วยว่า การยกเว้นค่าธรรมเนียมหรือวีซ่าเข้าประเทศเป็นระยะเวลา 3 เดือนนั้น ต้องมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว เพื่อกระตุ้นและสนับสนุนการท่องเที่ยวไทย