ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ได้ลงนามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.87 แสนล้านดอลลาร์เพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมายแล้ว โดยพิธีลงนามจัดขึ้นที่เมืองเดนเวอร์ มลรัฐโคโลราโด พร้อมกับกล่าวว่า กฎหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจฉบับนี้เป็นก้าวแรกที่นำไปสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวในระยะยาว
แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.87 แสนล้านดอลลาร์ต้องฝ่าด่านการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐเป็นเวลาหลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้ โดยทั้งสองสภามีมุมมองที่แตกต่างกันในเรื่องจุดหมายปลายทางที่จะนำเงินจากงบประมาณก้อนนี้ไปใช้ แต่ในที่สุดเมื่อวันเสาร์ที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา วุฒิสภาสหรัฐมีมติผ่านแผนฟื้นฟูฉบับดังกล่าวด้วยการลงคะแนนเสียง 60 ต่อ 38 หลังจากผ่านมติเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรมาก่อนหน้านี้ด้วยคะแนนเสียง 246 ต่อ 183 เสียง
รายละเอียดของมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ 7.87 แสนล้านดอลลาร์ฉบับนี้ ครอบคลุมถึงการลดหย่อนภาษีในภาคเอกชน และการจัดสรรงบประมาณ 5.9 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ตกงานและให้สวัสดิการด้านสุขภาพแก่ประชาชนที่ตกงานด้วย นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโอบามามั่นใจว่ามาตรการดังกล่าวจะสามารถกระตุ้นการจ้างงานได้ถึง 3.5 ล้านตำแหน่ง
"ผมไม่ต้องการประดิษฐ์คำพูดสวยหรูว่าเราจะประกาศจุดจบของปัญหาเศรษฐกิจ หรือ เราจะทำทุกอย่างเพื่อฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวได้เหมือนเดิม แต่ผมอยากพูดในวันนี้ว่า มาตรการฟื้นฟูฉบับนี้ถือเป็นการประกาศจุดเริ่มต้น เป็นจุดเริ่มต้นที่มุ่งเน้นการสร้างงานให้กับชาวอเมริกันในยามที่กระแสเลย์ออฟพนักงานลุกลามไปทั่วประเทศ ซึ่งจุดเริ่มต้นที่เราจำเป็นต้องทำในเวลานี้คือการบรรเทาความทุกข์ร้อนของครอบครัวชาวอเมริกันที่ไม่สามารถจ่ายเงินค่าน้ำค่าไฟในเดือนหน้าได้" โอบามากล่าว
"จุดเริ่มต้นของก้าวแรกนี้ กำหนดขึ้นก็เพื่อสร้างรากฐานเศรษฐกิจของเราให้แข็งแกร่ง และกรุยทางไปสู่การขยายตัวและความมั่นคงในระยะยาว" เขากล่าว
บิล ริทเทอร์ ผู้ว่าการรัฐโคโลราโดซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดพิธีลงนามร่างกฎหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจฉบับดังกล่าวเปิดเผยว่า "ท่านประธานาธิบดีมุ่งเน้นเรื่องการจัดสรรงบประมาณเพื่อสร้างงานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสีเขียวในรัฐโคโลราโด ในฐานะรัฐที่เป็นเมืองเศรษฐกิจพลังงานของสหรัฐ"
นอกจากนี้ ทำเนียบขาวยังเปิดตัวเว็บไซต์ www. recovery.gov.com เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ต้องการทราบข้อมูลว่าจะสามารถรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลในด้านใดและที่ใดบ้าง รวมทั้งข้อมูลเรื่องโครงการก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม แม้นักลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกจับตาดูแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ 7.87 แสนล้านดอลลาร์มาตั้งแต่เริ่มมีการอภิปรายในสภาคองเกรส มาจนถึงวันที่ประธานาธิบดีโอบามาลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายเมื่อคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย แต่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กกลับร่วงลง 297.81 จุด หรือ 3.79% แตะที่ 7,552.60 จุดเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่าแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจฉบับดังกล่าวจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกดดันจากกระแสความวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกถดถอย หลังจากญี่ปุ่นเปิดเผยตัวเลขจีดีพีที่หดตัวรุนแรงและการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะทรุดตัวลงต่อเนื่องจนถึงปลายปีนี้ สำนักข่าวเอพีรายงาน