นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานคณะกรรมการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) คาดว่า ขสมก.จะได้ราคากลางโครงการ เช่าและซ่อมแซมบำรุงรักษารถยนต์โดยสารปรับอากาศใช้ก๊าซธรรมชาติเหลวเป็นเชื้อเพลิง หรือโครงการเช่ารถโดยสารรถเมล์ NGV จำนวน 4,000 คัน เวลา 10 ปี หลังจากที่ร่างทีโออาร์นิ่งแล้ว
"ทีโออาร์ไม่นิ่งตลอด เพระว่าเราเอาเข้าเว็บไซด์ที ก็ปรับที ที่นี้พอนิ่งแล้ว ก็เป็นหน้าที่ ทาง ขสมก.จะต้องไปคำนวณราคาใหม่ (ราคากลาง) ซึ่งคงต้องสรุปได้เร็ว ผมคิดว่าไม่น่ายาก ประมาณอาทิตย์หนึ่งน่าจะรู้ผล ซึ่งต้องเราต้องไปคิดเทียบดูกับตอนที่เราคิดคำนวณครั้งแรก กับตอนนี้ที่ ทีโออาร์หน้าตาเปลี่ยนไปอย่างไร แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม การประมูลราคาที่ตั้งไว้คือ ราคาสูงสุด เวลา bid ก็ต้องเอาราคาที่ต่ำกว่านั้น โดยเมื่อปรับร่างทีโออาร์เสร็จแล้วนำเข้าบอร์ดดูอีกครั้งก็ประกาศเชิญชวนเอกชนได้ทันที" นายปิยะพันธ์ กล่าวผ่านรายการวิทยุเช้านี้
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ขสมก.จะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 23 ก.พ. นี้
วานนี้ คณะกรรมการได้อนุมัติร่างทีโออาร์ ครั้งสุดท้าย และได้เผยแพร่ทางเว็บไซด์เป็นครั้งที่ 6 โดยสาระทีโออาร์ที่เปลี่ยนจาเดิม ได้แก่ รถที่จะนำมาเช้าในโครงการนี้จะต้องเป็นรถที่ผลิตในประเทศต้องมีจำนวนอย่างน้อย 70% หรือประมาณอย่างน้อย 2,800 คัน เพื่อสนับสนุนการตัวต่อถังรถในประเทศ หรือเอกชนจะนำส่งรถที่ผลิตในประเทศ 100%ก็ได้ และผู้ประมูลจะต้องมีเงินค้ำประกันประมาณ 3,535 ล้านบาท
ผู้ชนะการประมูลจะต้องส่งรถได้ในงวดแรก จำนวน ไม่ต่ำกว่า 1.5 พันคัน ภายใน 13 เดือนหลังจากวันเซ็นสัญญา และหลังจากทยอยส่งรถ เดือนละไม่น้อยกว่า 200 คันจนครบ
นอกจากนี้ ร่างทีโออาร์ที่ปรับปรุงใหม่ ได้แยกเรื่องจัดหา อู่จอด มาให้เช่า ออกไปจากเดิมที่มีอยู่ เพราะถือว่าเป็นต้นทุน และให้ออกประมูลต่างหากอีกฉบับหนึ่ง เพื่อประกศเชิญขวนเสนอเอกชนที่ให้ ขสมก.เช่าที่ ทำเป็นอู่จอดรถ