ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งหลัง"โอบามา"เผยแผนฟื้นฟูภาคอสังหาริมทรัพย์

ข่าวต่างประเทศ Thursday February 19, 2009 07:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆของโลก ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) หลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา เปิดเผยแผนฟื้นฟูภาคอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยดอลลาร์ทะยานขึ้นแข็งแกร่งแม้ทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ก็ตาม

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 93.820 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 92.350 เยน/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1761 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1681 ฟรังค์/ดอลลาร์

ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.2549 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.2588 ดอลลาร์/ยูโร และเงินปอนด์ดิ่งลงแตะระดับ 1.4229 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4242 ดอลลาร์/ปอนด์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 0.5108 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5073 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นแตะระดับ 0.6390 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.6345 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เตรียมใช้แผนฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือเจ้าของบ้านให้รอดพ้นจากปัญหาการถูกยึดบ้านติดจำนอง ซึ่งครอบคลุมถึงการให้อำนาจศาลล้มละลายช่วยเหลือผู้กู้บ้านให้มีที่อยู่อาศัย ซึ่งแผนการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจตามที่โอบามาได้ให้คำมั่นไว้เมื่อครั้งที่หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี

อัตราการยึดบ้านติดจำนองที่เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งกดดันให้ราคาบ้านปรับตัวลดลง และเป็นอุปสรรคต่อความพยายามในการกระตุ้นความต้องการลงทุนในตลาดที่อยู่อาศัย ขณะที่การขายบ้านค้างสต็อกด้วยการลดราคาลงยังดำเนินไปอย่างยากลำบาก

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการสร้างบ้านในเดือนม.ค.ร่วงลง 16.8% เหลือเพียง 466,000 ยูนิตซึ่งเป็น ระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยตัวเลขการผลิตในภาคอุตสาหกรรมร่วงเกินคาด 1.8% ในเดือนม.ค.เพราะได้รับผลกระทบจากผลผลิตรถยนต์ที่ร่วงลงอย่างรุนแรง

นอกจากนี้ เฟดคาดการณ์ว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 8.5-8.8% สูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 7.1-7.6% และคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวประมาณ 0.5-1.3% ในปีนี้ มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะหดตัวเพียง 0.2-1.1%

ค่าเงินยูโรร่วงลงหลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ขู่หั่นอันดับเครดิตธนาคารในยุโรปตะวันออก ขณะที่เงินปอนด์ถูกเทขายหลังจากสมาพันธ์อุตสาหกรรมอังกฤษ (CBI) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอังกฤษอาจหดตัวลง 3.3% จากเดิมที่เคยคาดไว้ว่าจะหดตัวลงเพียง 1.7% และคาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีนี้ เศรษฐกิจอังกฤษจะหดตัวลงเป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ