GM ขอเวลา 2 ปีกลับมามีกำไร ระบุแผนงานแก้ปัญหาตรงจุด ชัดเจน

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday February 19, 2009 12:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสตีฟ คาร์ไลส์ ประธานกรรมการ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส เซาท์อีสต์ เอเชีย โอเปอเรชั่นส์ จำกัด กล่าวว่า การที่บริษัทตั้งเป้าลดจำนวนการผลิตลงแสดงให้เห็นว่าจีเอ็มสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง และยังแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าและความเร่งด่วนของแผนงานนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.51 ด้วยการตั้งเป้าเพื่อกลับมาสู่การได้รับผลกำไรภายใน 24 เดือน

มาตรการเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราจำเป็นจะต้องดำเนินการเพื่อความอยู่รอดในภาวะวิกฤตในปัจจุบัน และตั้งเป้าให้จีเอ็มประสบความสำเร็จแบบยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งแผนการนี้เปรียบเสมือนสัญญาณที่บ่งบอกถึงการก้าวข้ามสู่ศตวรรษที่ 21 นี้

อย่างไรก็ตาม แผนงานเสริมสร้างความแข็งแกร่งของจีเอ็มจำเป็นต้องได้รับแรงสนับสนุนและการอุทิศตนทำงานจากผู้เกี่ยวข้องกับจีเอ็มทุกฝ่ายทั่วโลก ทั้งฝ่ายบริหาร พนักงาน สหภาพ ซัพพลายเออร์ ผู้แทนจำหน่าย นักลงทุน และผู้ถือครองพันธบัตร

สำหรับการดำเนินธุรกิจของจีเอ็มในต่างประเทศระหว่างปี 52 จนถึง 57 จีเอ็มจะแสวงหาเงินทุนสนับสนุนจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในตลาดที่ดำเนินธุรกิจอยู่

นอกจากนี้ในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน จีเอ็มกำลังทบทวนพิจารณาแผนการขยายธุรกิจในเอเชียแปซิฟิก โดยบางโครงการ อย่างการขยายการผลิต และโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในภูมิภาคนี้จำเป็นต้องเลื่อนการดำเนินการออกไปก่อน หากไม่มีการสนับสนุนจากรัฐบาลหรือฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จีเอ็มกำลังหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อแสวงหาการสนับสนุนการต่อยอดการลงทุนนี้ต่อไป

"จีเอ็มจะสานต่อการทำงาน และแผนการที่ไม่เพียงแต่จะให้ประโยชน์แก่จีเอ็มเท่านั้น หากยังส่งผลดีต่อตลาดในภาพรวม รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ซึ่งรวมแล้วมีบริษัทมากถึง 2,312 แห่ง ตั้งแต่บริษัทขนาดใหญ่ ไปจนถึงวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมถึงซัพพลายเออร์อีกมากมายด้วย ซึ่งมีการว่าจ้างงานทั้งชายและหญิงมากถึง 600,000 คน ยังไม่นับรวมถึงกลุ่มธุรกิจย่อย รวมถึงอุตสาหกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับยานยนต์โดยตรงด้วย" นายคาร์ไลส์ กล่าว

ในปี 2550 มีการผลิตรถมากถึง 1,188,044 คัน เกือบครึ่งหนึ่งถูกส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายการเติบโตของตัวเลขการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 ล้านคันภายในปี 59 โดยแบ่งเป็นการส่งออกราว 1.5 ล้านคัน มูลค่าการส่งออกโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 400,000 ล้านบาทต่อปี แต่ในปี 51 แม้จะเป็นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจก็ตาม มูลค่าการส่งออกคิดเป็นสุทธิอยู่ที่ 482,960 ล้านบาท ในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ย.51 ตัวเลขเหล่านี้บ่งบอกให้เราเห็นถึงการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยที่มีเพิ่มขึ้น

อนึ่งในช่วงปลายปีที่แล้ว จีเอ็มระบุว่า กำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น พร้อมแผนการพัฒนาผลิตภัณท์ยานยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ และการพัฒนาเทคโนโลยีพลังขับเคลื่อนอันล้ำหน้า บริษัทฯลงทุนด้วยเม็ดเงินมหาศาลในการพัฒนาพลังงานทางเลือก และเทคโนโลยีพลังขับเคลื่อนอันล้ำหน้าภายในกรอบระยะเวลาระหว่างปี 52-55 นอกจากนี้ยังสนับสนุนการพัฒนารถไฮบริด และรถพลังงานไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนระยะทางไกล อย่าง เชฟโรเลต โวลต์ จีเอ็มยังมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเลขรถไฮบริดให้เพิ่มเป็น 14 รุ่นภายในปี 55 และการสร้างสรรค์ยานยนต์รองรับพลังงานทางเลือกให้เพิ่มมากกว่า 60%

การลงทุนในหลากหลายโครงการที่ระบุในแผนปรับโครงสร้างครั้งนี้จะผลักดันให้จีเอ็มก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำในระดับโลกในระยะยาว โดยการพัฒนายานยนต์ที่มีเทคโนโลยีล้ำอนาคต และใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้บริษัทฯ จะเสริมศักยภาพการผลิตให้ทันสมัยยิ่งขึ้น และสนับสนุนจุดยืนความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งในสหรัฐ และทั่วโลก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ