ฝ่ายวิจัยธนาคารกรุงเทพ(BBL)คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 52 ว่าจะขยายตัวติดลบ 1-1.5% การส่งออกอาจขยายตัวต่ำกว่า 1% หรือหดตัวถึง 10% การนำเข้าจะหดตัว 3-14% ส่งผลให้ดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 1-2% ของ GDP ส่วนเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่เกณฑ์ต่ำมากหรืออาจหดตัวช่วงครึ่งแรกของปี 52
เศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้า ถึงแม้ปัญหาการเมืองในประเทศจะคลี่คลายไปทางที่ดีขึ้น และ รัฐบาลได้เร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่น โดยเพิ่มงบกลางปีมากกว่า 1 แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและบรรเทาปัญหาการว่างงาน รวมถึงเดินหน้าโครงการลงทุนรถไฟฟ้าในเขต กทม.และปริมณฑล
สำหรับเศรษฐกิจไทยปี 51 ได้ชะลอการเติบโตเหลือ 3.0-3.5% ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าสำคัญ แม้ไตรมาส 3/51 เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวเฉลี่ย 5.1% จากแรงขับเคลื่อนของภาคการส่งออกและรายได้ภาคเกษตรที่ขยายตัวสูง
แต่ไตรมาส 4/51 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวติดลบ 2-2.5% เป็นผลจากมูลค่าส่งออกหดตัวถึง 9.4% ดุลการค้าขาดดุล 1,400 ล้านดอลลาร์ ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลเกือบ 2,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาการเมืองที่นำไปสู่การปิดสนามบิน ซึ่งกระทบต่อรายได้จากการท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นต่อประเทศค่อนข้างรุนแรง
นอกจากนี้ การที่เศรษฐกิจของประเทศผู้นำอุตสาหกรรมทั้ง 3 ประเทศประสบปัญหาการถดถอยพร้อมๆ กัน ส่งผลกระทบต่อการหดตัวของภาคการส่งออก ความเชื่อมั่นต่อการลงทุนของเอกชนและปัญหาการจ้างงานในไตรมาส 4/51 ค่อนข้างรุนแรง เห็นได้จากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในไตรมาส 4/51 หดตัว 8.1% อุตสาหกรรมที่หดตัวมากกว่า 30% เช่น เครื่องหนัง เหล็ก และกระดาษ เครื่องชี้การลงทุนแสดงการหดตัวด้วย ยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์หดตัวมากกว่า 30%
อย่างไรก็ตาม ทั้งปี 51 มูลค่าส่งออกซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญขยายตัว 16.8% ส่วนมูลค่านำเข้าเพิ่ม 26.4% ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 178 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เงินทุนสำรองสูงถึง 111,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้น 5.5% และเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 2.4%