นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวชี้แจงถึงกรณีรายการบัญชีทรัพย์สินหายไป 121 ล้านบาท ช่วง 11 เดือนตามที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ทำหนังสือเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบว่า มูลค่าทรัพย์สินลดลง เนื่องมาจากการลงทุนในหุ้นทั้งในและต่างประเทศจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ ซึ่งมูลค่าทรัพย์สินที่ลดลง 121 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 10-12% ถือว่าลดลงไม่มากเมื่อเทียบผลกระทบที่เกิดขึ้นทั่วโลก
"ยืนยันว่าไม่มีการซุก หรือเก็บทรัพย์สินไว้ ที่ผ่านมามีการเปิดเผยรายการบัญชีทรัพย์สินมาโดยตลอด มีการยื่นบัญชีทรัพย์สินมาแล้ว 4-5 ครั้ง...รายการทรัพย์สินยังเหมือนเดิม แต่ที่หายไป คือ มูลค่าลดลงจากราคาหุ้นที่ลดลง ผมมีคนรายงานเรื่องนี้ให้ทราบมาตลอด"นายกรณ์ กล่าว
รมว.คลัง ยังได้แถลงข่าวยืนยันอีกครั้งในช่วงบ่ายวันนี้อีกว่า การยื่นแจ้งบัญชีรายการทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)เป็นไปอย่างโปร่งใส พร้อมที่จะเปิดเผยข้อมูลและมีการตรวจสอบ
"ทุกกรณีที่คุณเรืองไกรหยิบยก เป็นความตั้งใจที่จะสร้างความโปร่งใส แต่ระหว่างผมและภรรยาความตั้งใจในการปกปิดไม่มี มีแต่ความตั้งใจที่จะเปิดเผย และพร้อมให้มีการตรวจสอบ ซึ่งได้แจกแจงรายละเอียดมาโดยตลอด"นายกรณ์ กล่าวในการแถลงข่าว
กรณีเงินกู้ที่มีการทำสัญญากับผู้ร่วมงาน แต่หยิบยกเรื่องไม่มีปิดอากรแสตมป์ในสัญญาและการเสียภาษีนั้น นายกรณ์ กล่าวว่า สัญญาที่ทำขึ้นเป็นเพียงการทำบันทึกข้อตกลงกับผู้กู้ที่เป็นลูกน้อง ไม่ได้คิดว่าเป็นการดำเนินการเชิงพาณิชย์ที่จะต้องมีการคิดดอกเบี้ยเงินกู้ใดๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ขณะนี้ได้ชำระค่าอากรแสตมป์ และค่าปรับ 5 เท่า รวมเป็นเงิน 25,000 บาท เรียบร้อยแล้ว
"สัญญาที่ร่างขึ้น เป็นการบันทึกข้อตกลง เตือนความจำระหว่างผมกับลูกน้อง ไม่ใช่ลักษณะพาณิชย์ที่จะนำไปสู่การฟ้องร้อง"รมว.คลัง กล่าว
ส่วนกรณีหนี้บัตรเครดิตจำนวนกว่า 2 แสนบาทที่มีการตั้งข้อสังเกตไม่มีการชี้แจงต่อ ป.ป.ช.นั้น นายกรณ์ ยืนยันว่า หนี้ส่วนนี้เกิดจากภรรยานำบัตรเครดิตไปใช้ซื้อสินค้าหลายรายการ เป็นมูลค่ากว่า 2 แสนบาท ซึ่งไม่คิดว่าจำเป็นต้องแจงรายละเอียดต่อ ป.ป.ช.