นักวิเคราะห์โพลล์บลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค.ของสหรัฐจะพุ่งขึ้น 0.3% ซึ่งจะเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน หลังจากร่วงลง 0.8% ในเดือนธ.ค.ปี 2551 เนื่องจากภาคเอกชนยังคงรักษาระดับราคาสินค้าเอาไว้ได้แม้ยอดขายตกต่ำลงก็ตาม
ลินด์เซย์ พิกซา นักวิเคราะห์จากเอฟทีเอ็น ไฟแนนเชียล กล่าวว่า บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ตั้งแต่วอล-มาร์ท ไปจนถึงเมซีย์ อิงค์ ประกาศลดราคาสินค้าเพื่อดึงดูดผู้บริโภค หลังจากเศรษฐกิจหดตัวลงทำให้ผลกำไรของบริษัททรุดตัวลงด้วย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บางคนแสดงความกังวลว่า ราคาสินค้าที่ปรับตัวลดลงมากเกินไปอาจทำให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะเงินฝืด หรือ ภาวะถดถอยยาวนานจนสร้างความลำบากให้กับประชาชนที่เป็นลูกหนี้
"การที่ผู้บริโภคพากันประหยัดการใช้จ่ายแม้ห้างสรรพสินค้าลดราคาลงอย่างมากนั้น อาจทำให้ดัชนี CPI หดตัวลง เราคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้คณะกรรมการเฟดแสดงความกังวลเรื่องเงินฝืด" พิกซากล่าว
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้ดัชนี CPI เดือนม.ค.ปรับตัวขึ้นอาจมาจากราคาน้ำมันเบนซินที่ฟื้นตัวขึ้น หลังจากร่วงลง 50% ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2551 ขณะที่ต้นทุนที่ปั๊มเพิ่มขึ้น 10 เซนต์ แตะที่ 1.79 ดอลลาร์/แกลลอนในเดือนม.ค. และคาดว่าราคาจะยังคงปรับตัวสูงขึ้นอีกในเดือนนี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนี CPI ประจำเดือนม.ค.ในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย