ธนาคารกลางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยืนยันให้การสนับสนุนสถาบันการเงินภายในประเทศที่เตรียมระดมทุนสำหรับการไถ่ถอนหุ้นกู้ หลังจากมีกระแสความวิตกกังวลว่า เอมิเรตส์จะประสบความยากลำบากในการหาเงินไถ่ถอนตราสารหนี้ ขณะที่ภาวะผันผวนในตลาดการเงินทั่วโลกส่งผลให้ต้นทุนการระดมทุนพุ่งสูงขึ้นและส่งผลให้เกิดภาวะฟองสบู่แตกในตลาดอสังหาริมทรัพย์
ธนาคารกลางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เข้าซื้อหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันมูลค่า 2.0 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ย 4%ต่อปี ขณะที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ระบุว่า แบงค์พาณิชย์สหรัฐเอมิเรตส์ออาจต้องขอความช่วยเหลือจากธนาคารกลางในการระดมทุนหาเงินสำหรับการไถ่ถอนหุ้นกู้ และคาดว่าแบงค์พาณิชย์เหล่านี้อาจต้องรีไฟแนนซ์หุ้นกู้และพันธบัตรมูลค่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ที่จะครบกำหนดไถ่ถอน
กียาส โกห์เคนท์ นักวิเคราะห์จากเนชั่นแนล แบงค์ ออฟ อาบูดาบี พีเจเอสซี กล่าวว่า "เราจะทำให้ทุกคนเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเราจะสนับสนุนธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน"
มอร์แกน สแตนลีย์เปิดเผยว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ร่วงลง 25% ในเดือนธ.ค. หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในเดือนก.ย. ซึ่งการปรับตัวลดลงของราคาอสังหาริมทรัพย์เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทรุดตัวลง 74% และวิกฤติการณ์สินเชื่อทั่วโลกได้บีบให้นักลงทุนกระหน่ำขายสินทรัพย์ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ข้อมูลของสำนักข่าวบลูมเบิร์กบ่งชี้ สถาบันการเงินทั่วโลกขาดทุนในตลาดสินเชื่อเป็นวงเงินรวม 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ และได้ระดมทุนรวม 9.91 แสนล้านดอลลาร์นับตั้งแต่เกิดภาวะล่มสลายในตลาดซับไพรม์ของสหรัฐ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้รัฐบาลทั่วโลก รวมถึงสหรัฐ เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส และเยอรมนี อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการธนาคารเพื่อปกป้องตลาดการเงินในประเทศตนเองไม่ให้ล่มสลาย