นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คาดหวังว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ที่นำออกมาใช้จะมีส่วนช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังกลับมาตั้งหลักได้ และมีเสถียรภาพมากขึ้น หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์)คาดว่าเศรษฐกิจปีนี้จะทรุดตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 4/51 ที่ติดลบหนักถึง 4.3%
"ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย ซึ่งจริง ๆ เศรษฐกิจที่ติดลบค่อนข้างแรงตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว สามเดือนสุดท้ายที่ยังไม่ออกมา ผมก็คาดว่าจะติดลบ 3% ลบ 4% แต่ไตรมาสนี้ก็ยังจะแรงอยู่ หากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของต่างประเทศที่จะออกมาในไตรมาสนี้เราก็หวังว่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้นในครึ่งปีหลังก็จะตั้งหลักกันได้"นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีแผนจะทบทวนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่จะมีการหามาตรการเสริมเข้าไป โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลยังสามารถดำเนินงานได้เป็นไปตามแผนงานและเป้าหมายที่วางไว้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในครึ่งปีแรกไม่มีใครคาดเดาได้ และคงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นทันตาเห็นในไตรมาสนี้ สิ่งที่รัฐบาลทำได้คือความพยายามที่จำกัดความเสียหาย หรือมีการอัดฉีดเม็ดเงินให้ได้ผลคุ้มค่ามากที่สุด
สำหรับมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลได้นำออกมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการให้เงิน 2 พันบาทกับผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท/เดือน หรือการสนับสนุนชุมชนเศรษฐกิจพอเพียง น่าจะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น และเชื่อว่าประชาชนเข้าใจในข้อจำกัดต่าง ๆ ของเศรษฐกิจในขณะนี้