ประธานสมาคมเหล็กและเหล็กกล้าของจีน (CISA) คาดการณ์ว่า ในปีนี้จีนจะมียอดการผลิตสินแร่เหล็กจำนวน 460 ล้านตัน ส่วนผลผลิตเหล็กดิบจะอยู่ในระดับ 480 ล้านตัน และเหล็กม้วนจะอยู่ที่ 500 ล้านตัน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวมีสัดส่วนลดลง 20 ล้านตันจากระดับในปีที่แล้ว
ขณะเดียวกันทางสมาคมคาดว่า อุตสาหกรรมเหล็กอาจจำเป็นต้องรอเวลาต่อไปอีกครึ่งปี กว่าอุปสงค์ในตลาดเหล็กจะฟื้นตัวขึ้นได้ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 ล้านล้านหยวนของจีนก็จำเป็นต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผลเนื่องจากขณะนี้ภาคอุตสาหกรรมจีนหลายแห่งกำลังอยู่ในช่วงขาลงไม่ว่าจะเป็น อุตสาหกรรมยานยนต์ ต่อเรือ เครื่องมือเครื่องใช้ภายในบ้าน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในปี 2551 ราคาเหล็กที่ดิ่งลงส่งผลให้โรงถลุงเหล็กมีตัวเลขขาดทุนในแต่ละเดือน ขณะที่ผลกำไรสุทธิของบริษัทเหล็กขนาดใหญ่ดิ่งลงจากระดับ 1.783 หมื่นล้านหยวนในเดือนมิ.ย.มาอยู่ที่ 3.221 พันล้านหยวนในเดือนก.ย. และในเดือนต.ค. บริษัทเหล็กมีผลประกอบการขาดทุน 5.835 พันล้านหยวน และมียอดขาดทุนพุ่งแตะที่ 1.278 หมื่นล้านหยวนในเดือนพ.ย. รวมถึงยอดขายทุนที่ 2.9122 หมื่นล้านหยวนเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ ทาง CISA กล่าวว่า อุตสาหกรรมเหล็กของจีนจะเผชิญปัญหาสำคัญ 2 ประการได้แก่ กำลังการผลิตที่พุ่งแซงหน้าอุปสงค์อย่างมหาศาล โดยการลงทุนในปี 2551 เพิ่มขึ้น 23.8% ต่อปีแตะที่ 3.24 แสนล้านหยวน (ไม่รวมการลงทุนในเหมืองแร่) ซึ่งทำให้กำลังการผลิตสินแร่เหล็ก เหล็กดิบ และเหล็กร้อนเพิ่มขึ้น 50 ล้านตัน
ปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ราคานำเข้าสินแร่เหล็กที่ลดลงอย่างน่าเป็นห่วงซึ่งส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ผลิตเหล็กในประเทศจีน