ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆของโลก ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ก.พ.) หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐประกาศว่าจะให้ความช่วยเหลือภาคการธนาคารในสัปดาห์นี้
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนที่ระดับ 94.420 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 93.130 เยน/ดอลลาร์ และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.1685 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1533 ฟรังค์/ดอลลาร์
ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.2699 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.2840 ดอลลาร์/ยูโร และเงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.4474 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4438 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลงแตะระดับ 0.6410 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.6457 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนตัวลงแตะระดับ 0.5073 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5114 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนหลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ซิตี้กรุ๊ป อิงค์ กำลังทำการเจรจาขายหุ้นให้รัฐบาลสหรัฐ ซึ่งหากการเจรจาครั้งนี้ประสบความสำเร็จ รัฐบาลสหรัฐอาจถือหุ้นสามัญในซิตี้กรุ๊ปเพิ่มขึ้นเป็น 40%
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่ากระทรวงการคลังสหรัฐพยายามออกมาสยบกระแสความวิตกกังวลด้วยการประกาศว่าจะใช้โครงการช่วยเหลือธนาคารพาณิชย์ในสัปดาห์นี้ก็ตาม ซึ่งโครงการดังกล่าวครอบคลุมถึงการให้รัฐบาลเข้าไปถือหุ้นเพิ่มขึ้นในสถาบันการเงินโดยไม่ต้องนำเงินภาษีของราษฎรมาอัดฉีด
ขณะที่ค่าเงินปอนด์ทะยานขึ้นหลังจากมีรายงานว่า รอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ วางแผนที่จะขายสินทรัพย์บางส่วน และรัฐบาลอังกฤษตัดสินใจแปรสภาพธนาคารนอร์ธเทิร์น ร็อค เป็นธุรกิจปล่อยกู้เพื่อการซื้อขาย
นักวิเคราะห์จาก UBS กล่าวว่า ค่าเงินยูโรยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องภาวะไรเสถียรภาพในระบบการเงินของยุโรป หลังจากนายฌอง-คล็อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีวิธีใดที่จะฟื้นฟูความเชื่อมั่นในตลาดการเงินได้อย่างเนื่องจากแนวโน้มตลาดการเงินยังไร้ทิศทาง
อย่างไรก็ตาม ผู้นำจากสหภาพยุโรปเห็นพ้องต้องกันให้มีการควบคุมดูแลระบบการเงินโลกอย่างเข้มงวดกว่าเดิม เพื่อป้องกันการเกิดวิกฤตการเงินอีกในอนาคต โดยนางแองเจลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวหลังการประชุมผู้นำและรัฐมนตรีคลังสหภาพยุโรป ณ กรุงเบอร์ลินว่า สหภาพยุโรปควรเข้ามาดูแลตลาดเงิน รวมถึงเฮดจ์ฟันด์และบริษัทจัดอันดับเครดิตอย่างเข้มงวด เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นในตลาด