จีนอาจจะออกมากระตุ้นให้บริษัท เซี่ยงไฮ้ ออโตโมทีฟ อินดัสทรี คอร์ป (กรุ๊ป) และไชน่า เอฟเอดับบลิว กรุ๊ป คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถรายใหญ่สุดของจีน เข้าซื้อกิจการของบริษัทคู่แข่ง เพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมยานยนต์
แหล่งข่าวกล่าวว่า ตงเฟง มอตเอร์ คอร์ป และชานกัน ออโตโมบิล ( กรุ๊ป) อาจจะเข้าซื้อบริษัทรถทั่วประเทศได้ ขณะที่กวางโจว ออโตโมบิล กรุ๊ป ปักกิ่ง ออโตโมไบล์ อินดัสทรี โฮลดิ้ง เฌอรี่ ออโตโมไบล์ ปักกิ่ง ออโตโมไบล์ อินดัสทรี โฮลดิ้ง เฌอรี่ ออโตโมไบล์ และไชน่า เนชั่นแนล เฮฟวี่ ดัวตี้ ทรัค กรุ๊ป จะสามารถซื้อกิจการภายในพื้นที่ที่ได้มีการกำหนดไว้ได้
รัฐบาลจีนวางแผนที่จะรวมกิจการบริษัทผู้ผลิตรถรายใหญ่สุด 14 รายของประเทศให้เหลือเพียง 10 ราย เพื่อที่จะผลักดันให้บริษัทรถของจีนก้าวขึ้นเป็นบริษัทรถระดับโลกที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของรัฐบาลที่ส่วนใหญ่จะพุ่งเป้าในการเป็นบริษัทผู้ประกอบรถต้นทุนต่ำให้กับเจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ป โตโยต้า มอเตอร์ และบริษัทพันธมิตรต่างชาติรายอื่นๆ บริษัทผู้ผลิตรถของจีนเองก็ต้องรับมือกับดีมานด์รถที่ร่วงลงและการแข่งขันกับแบรนด์รถถึง 52 แบรนด์ภายในประเทศ รวมทั้งเรื่องความวิตกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยที่เป็นปัจจัยที่จำกัดยอดขายในต่างประเทศ
บลูมเบิร์กรายงานว่า ริคอน เซีย นักวิเคราะห์จากไดวา แอสโซซิเอท โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า นโยบายดังกล่าวเป็นไปในเชิงรุกมากกว่าที่ตลาดได้มีการคาดการณ์ไว้ รัฐบาลเลือกดำเนินการในจังหวะที่เหมาะสมเพื่อทำสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อส่งเสริมให้บริษัทรถมีคววามแข็งแกร่งพอที่จะสู้กับคู่แข่งในต่างประเทศได้
นอกจากนี้ จีนยังตั้งเป้าที่จะฟื้นอัตราการขยายตัวของยอดขายรถทั่วประเทศให้ได้ถึง 10% ในปีนี้ และในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยยอดขายรถของจีนเมื่อปี 2551 ขยายตัว 6.7% ซึ่งเป็นจังหวะที่ชะลอตัวมากที่สุดในรอบ 10 ปี แตะ 9.4 ล้านคัน และสมาคมผู้ผลิตรถของจีนคาดว่า ยอดขายจะเพิ่มขึ้น 5% ในเดือนม.ค.