ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ข่าวรบ.สหรัฐช่วยเหลือภาคธนาคาร หนุนดอลล์พุ่งเทียบสกุลเงินหลักๆ

ข่าวต่างประเทศ Thursday February 26, 2009 07:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 ก.พ.) เพราะได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่ารัฐบาลสหรัฐจะใช้มาตรการช่วยเหลือภาคการธนาคาร ซึ่งครอบคลุมถึงการเข้าซื้อหุ้นในธนาคารพาณิชย์ และการที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่ารัฐบาลสหรัฐไม่ควรยึดกิจการธนาคารพาณิชย์มาเป็นสมบัติของชาติ

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์ดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนที่ระดับ 97.540 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 96.780 เยน/ดอลลาร์ และฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1699 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1604 ฟรังค์/ดอลลาร์

ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.2730 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.2839 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.4216 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4476 ดอลลาร์/ปอนด์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแตะระดับ 0.6483 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.6499 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนตัวลงแตะระดับ 0.5097 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.5130 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย

ไบรอัน โดแลน นักวิเคราะห์จาก Forex.com กล่าวว่า ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่ากระทรวงการคลังสหรัฐเตรียมทดสอบความสามารถในการรักษาฐานะทางการเงิน (stress test) ของธนาคารพาณิชย์ โดยใช้มาตรวัด 2 แบบในการตรวจสอบครั้งนี้ และคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนเม.ย.นี้

นอกจากนี้ นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์อย่างหนาแน่นหลังจากรัฐบาลสหรัฐยืนยันว่าจะเข้าซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์จากธนาคารพาณิชย์ที่สามารถแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญได้ และหลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมายืนยันเป็นวันที่ 2 ว่า รัฐบาลไม่ควรยึดกิจการของธนาคารพาณิชย์มาเป็นสมบัติของชาติ รวมถึงซิตี้กรุ๊ป เพราะจะส่งผลกระทบต่อมูลค่าของธนาคาร แต่แนวทางที่ดีที่สุดคือการให้ความช่วยเหลือธนาคารที่ประสบปัญหา เพื่อให้ธนาคารเหล่านี้สามารถทำกำไรได้อีก

ส่วนค่าเงินเยนได้รับแรงกดดันอย่างหนัก หลังจากกระทรวงคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าในเดือนม.ค.พุ่งขึ้นสู่ระดับ 9.526 แสนล้านเยน (9.92 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และเป็นตัวเลขขาดดุลการค้าที่สูงสุดนับตั้งแต่รัฐบาลเริ่มเก็บข้อมูลในปี 2522 ท่ามกลางภาวะที่ญี่ปุ่นมียอดนำเข้าพุ่งแซงหน้ายอดส่งออกมาต่อเนื่อง 4 เดือน

ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ในภาคธุรกิจส่งออกที่ตกต่ำลงอย่างรุนแรงและยังส่งสัญญาณให้เห็นว่า เอเชียอาจเผชิญความเลวร้ายทางเศรษฐกิจต่อไปในอีกหลายเดือน โดยภาคการส่งออกของเกาหลีใต้ดิ่งลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 33% ในเดือนม.ค. และยอดการส่งออกของไต้หวันถอยร่นลง 43% ส่วนยอดส่งออกสิงคโปร์ร่วงลง 35%

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่าบริษัทเอกชนในประเทศเลย์ออฟพนักงานเพิ่มขึ้นเป็น 2,227 คนในเดือนม.ค. ขณะที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติรายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค.ร่วงลง 5.3% เหลือเพียง 4.49 ล้านยูนิต สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดการณ์ไว้ว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค.จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1% แตะ 4.79 ล้านหลังต่อปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ