(เพิ่มเติม) นายกฯเผยทีมศก.ดันมาตรการกระตุ้นเพิ่ม/นัดคุยอุตฯรถยนต์-แบงก์สัปดาห์หน้า

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday February 26, 2009 11:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุมกับทีมเศรษฐกิจเช้าวันนี้ว่า เป็นการหารือเพื่อประเมินสถานการณ์ให้เกิดความรอบคอบ โดยได้ข้อสรุปว่ารัฐบาลจำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีก เนื่องจากรัฐบาลมีเป้าหมายทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)นช่วงไตรมาส 2/52 ติดลบน้อยลง และยุติปัญหาในไตรมาส 3/52 เพื่อให้เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวได้ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้

นอกจากนั้น รัฐบาลพยายามออกมาตรการต่างๆ เพื่อชะลอการเลิกจ้างออกไปอีกอย่างน้อย 1 ปี โดยตั้งเป้าให้มีแรงงานถูกเลิกจ้างไม่เกิน 5 แสนคน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับการกู้เงินจากต่างประเทศจำนวน 70,000 ล้านบาทเพื่อนำมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่สองนั้น ได้มอบหมายให้ รมว.คลัง ไปจัดทำรายละเอียดแล้วนำมาเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาในอีก 2 สัปดาห์ ซึ่งจะมีการขยายวงเงินกู้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกระทรวงการคลัง และคาดว่าจะสามารถขอกู้เงินได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้

"จะมีการเสนอ ครม.ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ในส่วนของกระทรวงการคลังจะเร่งทำเรื่องนี้(การกู้เงินจากต่างประเทศ) เพราะขณะนี้การค้าโลกหดตัวประมาณ 30-40% ซึ่งจำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมอีกแน่นอน คงต้องใช้แผนสอง เพราะเราเห็นตัวเลขชัดเจนแล้ว"นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนี้มีทั้งที่แย่ลงและที่ดีกว่าคาดไว้ โดยภาวะการท่องเที่ยวของไทยในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ก.พ.52) ไม่น่าลดลงถึง 20% ซึ่งมีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือน ต.ค.51

ขณะที่จากการหารือกับผู้บริหารบริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล(WD) ผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ระดับโลกที่เข้าพบเมื่อเช้านี้ คาดว่าในปีนี้อุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิกส์ของไทยจะหดตัวราว 25% และในสัปดาห์หน้าจะมีการหารือกับผู้ประกอบการรถยนต์ที่กำลังประสบปัญหาจากผลประทบภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโลก เพื่อหารือถึงมาตรการช่วยเหลือต่อไป

ส่วนกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.50% ถือเป็นสัญญาณที่สอดรับการแนวทางการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่ภาครัฐยังเป็นห่วงเรื่องการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะมีการหารือกับทางธนาคารพาณิชย์อีกครั้ง



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ